หลายคนคงจะพอคุ้นหูกับคำว่า คริปโตเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) หรือเรียกสั้นๆ ว่า คริปโตฯ กันอยู่บ้าง เพราะในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา คริปโตถูกพูดถึงอย่างกว้างขวาง นักลงทุนหลาย ๆ คนถึงกับคาดการณ์กันว่าเหรียญคริปโต จะเข้ามาแทนสกุลเงินที่เราใช้กันอยู่ในปัจจุบันในอนาคตอันใกล้นี้

รู้จักแต่ใช้ว่าจะเข้าใจ วันนี้เราจะพามาเจาะลึกว่า จริง ๆ แล้วเหรียญสกุลเงินดิจิทัลนี้คืออะไร ให้ประโยชน์อะไรกับผู้ใช้ และมีความแตกต่างจากสกุลเงินที่เราใช้กันอยู่ปัจจุบันอย่างไรบ้าง

คริปโตคืออะไร?

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา คำว่า “สกุลเงินดิจิทัล” (Cryptocurrency) ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นอย่างมาก ดึงดูดความสนใจจากนักลงทุน ผู้ชื่นชอบเทคโนโลยี และประชาชนทั่วไป สกุลเงินดิจิทัล หรือที่เรียกอีกอย่างว่า “คริปโต” (Crypto) เป็นรูปแบบของสกุลเงินดิจิทัลหรือเสมือนจริงที่ใช้การเข้ารหัสเพื่อสร้างความปลอดภัย ทำงานในลักษณะที่กระจายอำนาจ ไม่ได้ถูกควบคุมโดยหน่วยงานกลางใด ๆ หรือกลุ่มบุคคลใดโดยเฉพาะ เช่น รัฐบาลหรือธนาคาร แต่ใช้เทคโนโลยี บล็อกเชน (Blockchain) ซึ่งเป็นเทคโนโลยี เป็นเทคโนโลยีการประมวลผลและจัดเก็บข้อมูลแบบกระจายศูนย์มาช่วยดำเนินการ มีความโปร่งใสและปลอดภัยเพราะข้อมูลที่ถูกบันทึกไปแล้วจะทำการแก้ไขเปลี่ยนแปลงได้ยาก

คริปโตเคอเรนซีทำงานอย่างไร?

คริปโต ใช้เครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่เรียกว่า โหนด (Node) ซึ่งหมายถึง คอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ใด ๆ ที่เชื่อมต่อในเครือข่ายบล็อกเชน ทุกโหนดเชื่อมต่อกันเพื่อบันทึกและตรวจสอบความถูกต้องในการทำธุรกรรมแต่ละรายการ การทำธุรกรรมต่าง ๆ จะถูกส่งเข้าสู่เครือข่าย ถูกตรวจสอบโดยโหนด และถูกบันทึกเอาไว้บนบล็อกเชน

คริปโต ยังมีการใช้เทคนิคการเข้ารหัสที่เรียกว่า กุญแจสาธารณะ (Public Key) และกุญแจส่วนตัว (Private Key) เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ใช้งาน รวมไปถึงควบคุมการสกุลดิจิทัลใหม่เข้าสู่ระบบ ด้วย

บล็อกเชนช่วยให้การทำงานของคริปโต ไม่ต้องอาศัยหน่วยงานกลางอย่างรัฐบาลหรือธนาคารเข้ามาดูแล การทำงานแบบกระจายศูนย์ของบล็อกเชนยังช่วยป้องกันการฉ้อโกงอีกด้วย

เหรียญคริปโตยอดนิยม ต้องจับตา

มีสกุลเงินดิจิทัลหลายรูปแบบที่มีอยู่ให้เลือกใช้ แต่ละสกุลเงินมีลักษณะและวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกัน

ปัจจุบันมีสกุลเงินดิจิทัล หรือเหรียญคริปโตฯ มากมายให้เลือก โดยแต่ละเหรียญก็จะมีคุณสมบัติและวัตถุประสงค์ในการใช้งานแตกต่างกันออกไป ซึ่งเหรียญคริปโตฯ ที่หน้าใหม่ของวงการอย่างเรา ๆ ควรจะรู้จักกันเอาไว้มีด้วยกันอยู่ 6 เหรียญ ได้แก่

1.&nbsp;บิทคอยน์ (Bitcoin) สกุลเงินดิจิทัลตัวนี้ถูกเปิดตัวในปี 2009 โดยกลุ่มคนที่รู้จักกันในชื่อ&nbsp;Satoshi Nakamoto&nbsp;ชื่อนี้ถูกในเป็นนามแฝงของผู้ให้กำเนิดบิทคอยน์ที่ทุกวันนี้ตัวตนของเขาก็ยังคงเป็นปริศนาอยู่บิทคอยน์ถือเป็นสกุลเงินดิจิทัลตัวแรก ๆ ในวงการ และยังเป็นสกุลเงินที่มีชื่อเสียงมากที่สุดด้วย บิทคอยน์เป็นสกุลเงินดิจิทัลที่ทำงานในลักษณะของการกระจายศูนย์ ไม่มีหน่วยงานใดเข้ามาควบคุม สำหรับวงการคริปโตฯ แล้ว บิทคอยน์ถือเป็นสินทรัพย์มูลค่าสูง เรียกได้ว่าเป็นทองคำดิจิทัลเลยก็ว่าได้

2.&nbsp;อีเธอเรียม (Ethereum) อีกหนึ่งสกุลเงินยอดนิยมในวงการและเป็นที่รู้จักในฐานะผู้คิดค้น “สัญญาอัจฉริยะ (Smart Contract)” ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถออกคำสั่งให้ระบบดำเนินการตามกฏต่าง ๆ ที่ตั้งเอาไว้ล่วงหน้าแบบอัตโนมัติได้

หลักการของการสร้างสัญญาอัจฉริยะทำให้เกิดการพัฒนาของแอปพลิเคชั่นแบบกระจายศูนย์ (Decentralized Applications หรือ DApps) และโปรเจคต่าง ๆ ด้านระบบการเงินแบบไร้ตัวกลาง (Decentralized finance หรือ DeFi) อีกมากมาย

3.&nbsp;ริปเปิล (Ripple หรือ XRP) เป็นสกุลเงินดิจิทัลที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมระหว่างประเทศโดยเฉพาะ

4.&nbsp;ไลท์คอยน์ (Litecoin) สกุลเงินดิจิทัลที่แยกออกมาจากบิทคอยน์ เมื่อเปรียบเทียบกับบิทคอยน์แล้ว ไลท์คอยน์ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกสำหรับคนที่มองหาค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมที่ถูกลง และการประมวลผลที่รวดเร็วมากขึ้น

5.&nbsp;เทเทอร์ (Tether หรือ USDT) เป็นเหรียญคริปโตฯ ซึ่งเป็น Stablecoin ผูกกับค่าเงินดอลลาร์ทำให้มีความผันผวนน้อยเมื่อเทียบกับเหรียญอื่น ๆ

6.&nbsp;ไบแนนซ์ (Binance Coin หรือ BNB) เหรียญคริปโตฯ จากบริษัท ไบแนนซ์ ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มซื้อขายแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในโลก

เราสามารถทำอะไรกับคริปโทเคอร์เรนซีได้บ้าง?

สกุลเงินดิจิทัลก็สามารถใช้แลกเปลี่ยนได้เช่นเดียวกับสกุลเงินอื่น ๆ ที่เราใช้กันในปัจจุบัน แล้วแบบนี้การทำธุรกรรมด้วยเหรียญคริปโตฯ จะแตกต่างจากการใช้สกุลเงินทั่วไปอย่างไร?

บอกได้เลยว่าการทำธุรกรรมด้วยสกุลเงินดิจิทัลให้อะไรมากกว่าการทำธุรกรรมทั่ว ๆ ไปและยังช่วยเพิ่มโอกาสทางธุรกิจได้อีกหลากเลยอีกด้วย ลองมาดูตัวอย่างการใช้ประโยชน์จากสกุลเงินดิจิทัลกัน

1.&nbsp;

การทำธุรกรรมแบบดิจิทัล

สกุลเงินดิจิทัลช่วยสร้างเสริมความน่าเชื่อถือและประสิทธิภาพของการทำธุรกรรมต่าง ๆ เราสามารถส่งหรือรับเงินระหว่างประเทศได้อย่างสะดวกสบาย ต้องเสียค่าธรรมเนียมในราคาที่ต่ำกว่า แถมยังรวดเร็วกว่าการดำเนินการผ่านระบบธนาคารอีกด้วย

2.&nbsp;การลงทุนกับสกุลเงินดิจิทัล

หลาย ๆ คนมองเหล่าสกุลเงินดิจิทัลเป็นเหมือนโอกาสในการลงทุน นักลงทุนหลายคนเลือกที่จะซื้อสกุลเงินดิจิทัลและเก็บเอาไว้เพื่อรอให้มูลค่าของเหรียญคริปโตฯ นั้น ๆ เพิ่มสูงขึ้น

การซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลทำได้ง่ายผ่านแพลตฟอร์มของผู้ให้บริการอย่าง FXGT.com ผู้ใช้สามารถเข้าถึงคริปโตฯ ตัวเด่น ๆ ได้ตลอด 24 ชั่วโมง แถมตัวแพลตฟอร์มยังนำเสนอ GTi12 ซึ่งเป็นการเทรดดัชนีรูปแบบใหม่ที่หลาย ๆ แพลตฟอร์มยังไม่มี ช่วยให้ผู้ใช้สามารถลงทุนในเหรียญคริปโตฯ ยอดนิยมได้ถึง 12 ตัวผ่านการซื้อขายแค่เพียงครั้งเดียว

3.&nbsp;สัญญาอัจฉริยะ (Smart Contract) และ DApps

&nbsp; การดำเนินการมีความคล้ายคลึงกับอีเธอเรียม ผู้ใช้งานสามารถสร้างสัญญาอัตโนมัติขึ้นมาเพื่อให้ระบบดำเนินการตามกฏต่าง ๆ ที่ตั้งเอาไว้ล่วงหน้าแบบอัตโนมัติเมื่อถึงเวลาที่กำหนด ซึ่งไอเดียของสัญญาอัตโนมัตินี้ถูกน้ำมาพัฒนาเป็นแอปพลิเคชั่นแบบกระจายศูนย์ (DApps) ซึ่งสามารถนำเสนอบริการต่าง ๆ ทั้งบริการด้าน<a href="https://thethaiger.com/th/thai-news/economy/finance/">การเงิน&nbsp;</a>และเกม&nbsp;&nbsp;

4.&nbsp;การทำธุรกรรมข้ามพรมแดน

การทำธุรกรรมระหว่างประเทศจะกลายเป็นเรื่องง่ายด้วยสกุลเงินดิจิทัล การโอนเงินหรือชำระเงินระหว่างประเทศด้วยเหรียญคริปโตฯ มีความรวดเร็ว แถมยังมีค่าธรรมเนียมต่ำ เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนที่ต้องทำธุรกรรมระหว่างประเทศบ่อย ๆ

วงการคริปโตเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาและมีแนวโน้มที่จะเข้ามาเปลี่ยนการทำธุรกรรมทางการเงินของเราในอนาคตอันใกล้ แม้ว่าจะมีความท้าทายและความเสี่ยงต่าง ๆ อีกมาก แต่ถือได้ว่าคริปโต ได้เข้ามาเป็นส่วนสำคัญในการพลิกประวัติศาตร์วงการการเงินของโลก

สรุปไฮไลท์สำคัญจากบทความนี้

1. สกุลเงินดิจิทัลทำงานบนเครือข่ายที่ไม่มีการจัดกลุ่มให้เฉพาะบุคคลใดบุคคลหนึ่ง โดยใช้เทคโนโลยีการเข้ารหัสและบล็อกเชนเพื่อให้มั่นคง

2. มีสกุลเงินดิจิทัลหลากหลายประเภท แต่ละสกุลมีลักษณะและคุณสมบัติที่เฉพาะตัวของตนเอง

3. สกุลเงินดิจิทัลมีวัตถุประสงค์ต่างๆ เช่น การทำธุรกรรมดิจิทัล การลงทุน สัญญาอัจฉริยะ และการชำระเงินระหว่างประเทศ

4. ลักษณะที่ไม่มีการจัดกลุ่มของสกุลเงินดิจิทัลกำจัดความจำเป็นต้องมีผู้กลาง ทำให้ผู้ใช้มีควบคุมมากขึ้นต่อสินทรัพย์ของตนเอง

5. ในขณะที่อุตสาหกรรมเครือข่ายสกุลเงินดิจิทัลก้าวหน้าไปข้างหน้า สำคัญที่ผู้คนจะอัปเดตข้อมูลและทำการเลือกตัดสินใจอย่างมีเหตุผลเมื่อมีการจัดการกับสินทรัพย์ดิจิทัล

&nbsp; ออกจากการลงทุนเดิมๆ สัมผัสประสบการณ์การซื้อขายสกุลเงินดิจิทัล CFD ของอนาคตกับโบรกเกอร์ชั้นนำระดับโลกโดยเปิดบัญชีที่&nbsp;<a href="https://fxgt.com/register">FXGT.com</a>&nbsp;ได้เลย!&nbsp;&nbsp;

FXGT.com enhances trading with diverse accounts, market access, and strict regulation. Awarded for excellence in trading conditions and broker services in 2024.

คริปโทเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) คืออะไร? มีสกุลเงินอะไรบ้าง? เล่นยังไง? มาไขข้อข้องใจได้ทั้งหมดที่นี่กับ FXGT ที่จะไขความสงสัยให้กระจ่างหลายคนคงจะพอคุ้นหูกับคำว่า คริปโตเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) หรือเรียกสั้นๆ ว่า คริปโตฯ กันอยู่บ้าง เพราะในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา คริปโตถูกพูดถึงอย่างกว้างขวาง นักลงทุนหลาย ๆ คนถึงกับคาดการณ์กันว่าเหรียญคริปโต จะเข้ามาแทนสกุลเงินที่เราใช้กันอยู่ในปัจจุบันในอนาคตอันใกล้นี้รู้จักแต่ใช้ว่าจะเข้าใจ วันนี้เราจะพามาเจาะลึกว่า จริง ๆ แล้วเหรียญสกุลเงินดิจิทัลนี้คืออะไร ให้ประโยชน์อะไรกับผู้ใช้ และมีความแตกต่างจากสกุลเงินที่เราใช้กันอยู่ปัจจุบันอย่างไรบ้างคริปโตคืออะไร?ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา คำว่า “สกุลเงินดิจิทัล” (Cryptocurrency) ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นอย่างมาก ดึงดูดความสนใจจากนักลงทุน ผู้ชื่นชอบเทคโนโลยี และประชาชนทั่วไป สกุลเงินดิจิทัล หรือที่เรียกอีกอย่างว่า “คริปโต” (Crypto) เป็นรูปแบบของสกุลเงินดิจิทัลหรือเสมือนจริงที่ใช้การเข้ารหัสเพื่อสร้างความปลอดภัย ทำงานในลักษณะที่กระจายอำนาจ ไม่ได้ถูกควบคุมโดยหน่วยงานกลางใด ๆ หรือกลุ่มบุคคลใดโดยเฉพาะ เช่น รัฐบาลหรือธนาคาร แต่ใช้เทคโนโลยี บล็อกเชน (Blockchain) ซึ่งเป็นเทคโนโลยี เป็นเทคโนโลยีการประมวลผลและจัดเก็บข้อมูลแบบกระจายศูนย์มาช่วยดำเนินการ มีความโปร่งใสและปลอดภัยเพราะข้อมูลที่ถูกบันทึกไปแล้วจะทำการแก้ไขเปลี่ยนแปลงได้ยาก<img style="width: 100%;" src="https://vritimes-public.s3.ap-southeast-1.amazonaws.com/production/44b1498bfc53d6188d0b943f2cf61a1b703dc31adbd8634dd154dfc7976fe39b/Screenshot_45.png" alt="Image" />คริปโตเคอเรนซีทำงานอย่างไร?คริปโต ใช้เครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่เรียกว่า โหนด (Node) ซึ่งหมายถึง คอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ใด ๆ ที่เชื่อมต่อในเครือข่ายบล็อกเชน ทุกโหนดเชื่อมต่อกันเพื่อบันทึกและตรวจสอบความถูกต้องในการทำธุรกรรมแต่ละรายการ การทำธุรกรรมต่าง ๆ จะถูกส่งเข้าสู่เครือข่าย ถูกตรวจสอบโดยโหนด และถูกบันทึกเอาไว้บนบล็อกเชนคริปโต ยังมีการใช้เทคนิคการเข้ารหัสที่เรียกว่า กุญแจสาธารณะ (Public Key) และกุญแจส่วนตัว (Private Key) เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ใช้งาน รวมไปถึงควบคุมการสกุลดิจิทัลใหม่เข้าสู่ระบบ ด้วยบล็อกเชนช่วยให้การทำงานของคริปโต ไม่ต้องอาศัยหน่วยงานกลางอย่างรัฐบาลหรือธนาคารเข้ามาดูแล การทำงานแบบกระจายศูนย์ของบล็อกเชนยังช่วยป้องกันการฉ้อโกงอีกด้วยเหรียญคริปโตยอดนิยม ต้องจับตามีสกุลเงินดิจิทัลหลายรูปแบบที่มีอยู่ให้เลือกใช้ แต่ละสกุลเงินมีลักษณะและวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกันปัจจุบันมีสกุลเงินดิจิทัล หรือเหรียญคริปโตฯ มากมายให้เลือก โดยแต่ละเหรียญก็จะมีคุณสมบัติและวัตถุประสงค์ในการใช้งานแตกต่างกันออกไป ซึ่งเหรียญคริปโตฯ ที่หน้าใหม่ของวงการอย่างเรา ๆ ควรจะรู้จักกันเอาไว้มีด้วยกันอยู่ 6 เหรียญ ได้แก่1.&nbsp;บิทคอยน์ (Bitcoin) สกุลเงินดิจิทัลตัวนี้ถูกเปิดตัวในปี 2009 โดยกลุ่มคนที่รู้จักกันในชื่อ&nbsp;Satoshi Nakamoto&nbsp;ชื่อนี้ถูกในเป็นนามแฝงของผู้ให้กำเนิดบิทคอยน์ที่ทุกวันนี้ตัวตนของเขาก็ยังคงเป็นปริศนาอยู่บิทคอยน์ถือเป็นสกุลเงินดิจิทัลตัวแรก ๆ ในวงการ และยังเป็นสกุลเงินที่มีชื่อเสียงมากที่สุดด้วย บิทคอยน์เป็นสกุลเงินดิจิทัลที่ทำงานในลักษณะของการกระจายศูนย์ ไม่มีหน่วยงานใดเข้ามาควบคุม สำหรับวงการคริปโตฯ แล้ว บิทคอยน์ถือเป็นสินทรัพย์มูลค่าสูง เรียกได้ว่าเป็นทองคำดิจิทัลเลยก็ว่าได้2.&nbsp;อีเธอเรียม (Ethereum) อีกหนึ่งสกุลเงินยอดนิยมในวงการและเป็นที่รู้จักในฐานะผู้คิดค้น “สัญญาอัจฉริยะ (Smart Contract)” ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถออกคำสั่งให้ระบบดำเนินการตามกฏต่าง ๆ ที่ตั้งเอาไว้ล่วงหน้าแบบอัตโนมัติได้หลักการของการสร้างสัญญาอัจฉริยะทำให้เกิดการพัฒนาของแอปพลิเคชั่นแบบกระจายศูนย์ (Decentralized Applications หรือ DApps) และโปรเจคต่าง ๆ ด้านระบบการเงินแบบไร้ตัวกลาง (Decentralized finance หรือ DeFi) อีกมากมาย3.&nbsp;ริปเปิล (Ripple หรือ XRP) เป็นสกุลเงินดิจิทัลที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมระหว่างประเทศโดยเฉพาะ4.&nbsp;ไลท์คอยน์ (Litecoin) สกุลเงินดิจิทัลที่แยกออกมาจากบิทคอยน์ เมื่อเปรียบเทียบกับบิทคอยน์แล้ว ไลท์คอยน์ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกสำหรับคนที่มองหาค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมที่ถูกลง และการประมวลผลที่รวดเร็วมากขึ้น5.&nbsp;เทเทอร์ (Tether หรือ USDT) เป็นเหรียญคริปโตฯ ซึ่งเป็น Stablecoin ผูกกับค่าเงินดอลลาร์ทำให้มีความผันผวนน้อยเมื่อเทียบกับเหรียญอื่น ๆ6.&nbsp;ไบแนนซ์ (Binance Coin หรือ BNB) เหรียญคริปโตฯ จากบริษัท ไบแนนซ์ ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มซื้อขายแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในโลก<img style="width: 100%;" src="https://vritimes-public.s3.ap-southeast-1.amazonaws.com/production/56030d478baeb7fafe87849b8bd00f83997079b8a7a22578bcd9a19d8ae4e4db/Screenshot_46.png" alt="Image" />เราสามารถทำอะไรกับคริปโทเคอร์เรนซีได้บ้าง?สกุลเงินดิจิทัลก็สามารถใช้แลกเปลี่ยนได้เช่นเดียวกับสกุลเงินอื่น ๆ ที่เราใช้กันในปัจจุบัน แล้วแบบนี้การทำธุรกรรมด้วยเหรียญคริปโตฯ จะแตกต่างจากการใช้สกุลเงินทั่วไปอย่างไร?บอกได้เลยว่าการทำธุรกรรมด้วยสกุลเงินดิจิทัลให้อะไรมากกว่าการทำธุรกรรมทั่ว ๆ ไปและยังช่วยเพิ่มโอกาสทางธุรกิจได้อีกหลากเลยอีกด้วย ลองมาดูตัวอย่างการใช้ประโยชน์จากสกุลเงินดิจิทัลกัน1.&nbsp;

การทำธุรกรรมแบบดิจิทัลสกุลเงินดิจิทัลช่วยสร้างเสริมความน่าเชื่อถือและประสิทธิภาพของการทำธุรกรรมต่าง ๆ เราสามารถส่งหรือรับเงินระหว่างประเทศได้อย่างสะดวกสบาย ต้องเสียค่าธรรมเนียมในราคาที่ต่ำกว่า แถมยังรวดเร็วกว่าการดำเนินการผ่านระบบธนาคารอีกด้วย2.&nbsp;การลงทุนกับสกุลเงินดิจิทัลหลาย ๆ คนมองเหล่าสกุลเงินดิจิทัลเป็นเหมือนโอกาสในการลงทุน นักลงทุนหลายคนเลือกที่จะซื้อสกุลเงินดิจิทัลและเก็บเอาไว้เพื่อรอให้มูลค่าของเหรียญคริปโตฯ นั้น ๆ เพิ่มสูงขึ้นการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลทำได้ง่ายผ่านแพลตฟอร์มของผู้ให้บริการอย่าง FXGT.com ผู้ใช้สามารถเข้าถึงคริปโตฯ ตัวเด่น ๆ ได้ตลอด 24 ชั่วโมง แถมตัวแพลตฟอร์มยังนำเสนอ GTi12 ซึ่งเป็นการเทรดดัชนีรูปแบบใหม่ที่หลาย ๆ แพลตฟอร์มยังไม่มี ช่วยให้ผู้ใช้สามารถลงทุนในเหรียญคริปโตฯ ยอดนิยมได้ถึง 12 ตัวผ่านการซื้อขายแค่เพียงครั้งเดียว3.&nbsp;สัญญาอัจฉริยะ (Smart Contract) และ DApps&nbsp; การดำเนินการมีความคล้ายคลึงกับอีเธอเรียม ผู้ใช้งานสามารถสร้างสัญญาอัตโนมัติขึ้นมาเพื่อให้ระบบดำเนินการตามกฏต่าง ๆ ที่ตั้งเอาไว้ล่วงหน้าแบบอัตโนมัติเมื่อถึงเวลาที่กำหนด ซึ่งไอเดียของสัญญาอัตโนมัตินี้ถูกน้ำมาพัฒนาเป็นแอปพลิเคชั่นแบบกระจายศูนย์ (DApps) ซึ่งสามารถนำเสนอบริการต่าง ๆ ทั้งบริการด้าน<a href="https://thethaiger.com/th/thai-news/economy/finance/">การเงิน&nbsp;</a>และเกม&nbsp;&nbsp;4.&nbsp;การทำธุรกรรมข้ามพรมแดนการทำธุรกรรมระหว่างประเทศจะกลายเป็นเรื่องง่ายด้วยสกุลเงินดิจิทัล การโอนเงินหรือชำระเงินระหว่างประเทศด้วยเหรียญคริปโตฯ มีความรวดเร็ว แถมยังมีค่าธรรมเนียมต่ำ เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนที่ต้องทำธุรกรรมระหว่างประเทศบ่อย ๆวงการคริปโตเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาและมีแนวโน้มที่จะเข้ามาเปลี่ยนการทำธุรกรรมทางการเงินของเราในอนาคตอันใกล้ แม้ว่าจะมีความท้าทายและความเสี่ยงต่าง ๆ อีกมาก แต่ถือได้ว่าคริปโต ได้เข้ามาเป็นส่วนสำคัญในการพลิกประวัติศาตร์วงการการเงินของโลกสรุปไฮไลท์สำคัญจากบทความนี้1. สกุลเงินดิจิทัลทำงานบนเครือข่ายที่ไม่มีการจัดกลุ่มให้เฉพาะบุคคลใดบุคคลหนึ่ง โดยใช้เทคโนโลยีการเข้ารหัสและบล็อกเชนเพื่อให้มั่นคง2. มีสกุลเงินดิจิทัลหลากหลายประเภท แต่ละสกุลมีลักษณะและคุณสมบัติที่เฉพาะตัวของตนเอง3. สกุลเงินดิจิทัลมีวัตถุประสงค์ต่างๆ เช่น การทำธุรกรรมดิจิทัล การลงทุน สัญญาอัจฉริยะ และการชำระเงินระหว่างประเทศ4. ลักษณะที่ไม่มีการจัดกลุ่มของสกุลเงินดิจิทัลกำจัดความจำเป็นต้องมีผู้กลาง ทำให้ผู้ใช้มีควบคุมมากขึ้นต่อสินทรัพย์ของตนเอง5. ในขณะที่อุตสาหกรรมเครือข่ายสกุลเงินดิจิทัลก้าวหน้าไปข้างหน้า สำคัญที่ผู้คนจะอัปเดตข้อมูลและทำการเลือกตัดสินใจอย่างมีเหตุผลเมื่อมีการจัดการกับสินทรัพย์ดิจิทัล&nbsp; ออกจากการลงทุนเดิมๆ สัมผัสประสบการณ์การซื้อขายสกุลเงินดิจิทัล CFD ของอนาคตกับโบรกเกอร์ชั้นนำระดับโลกโดยเปิดบัญชีที่&nbsp;<a href="https://fxgt.com/register">FXGT.com</a>&nbsp;ได้เลย!&nbsp;&nbsp;<h2>About FXGT</h2>FXGT.com enhances trading with diverse accounts, market access, and strict regulation. Awarded for excellence in trading conditions and broker services in 2024.

Advertising / Promotion / PR

Securities / FX / Investment Trusts

Cryptocurrency

คริปโทเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) คืออะไร? มีสกุลเงินอะไรบ้าง? เล่นยังไง? มาไขข้อข้องใจได้ทั้งหมดที่นี่กับ FXGT ที่จะไขความสงสัยให้กระจ่าง

คริปโตคืออะไร? FXGT ชวนทำความเข้าใจโลกสกุลเงินดิจิทัลให้กระจ่าง

การจะผันตัวเป็นนักลงทุนมืออาชีพไม่ยากอย่างที่คิด หากมีความตั้งใจและศึกษาจากแหล่งข้อมูลที่ถูกต้องน่าเชื่อถือ เชื่อว่าการเป็นนักลงทุนมืออาชีพเป็นความฝันของใครหลาย ๆ คน เป็นทางเลือกที่มนุษย์เงินเดือนทั้งหลายสนใจเอาไว้เพื่อหารายได้เสริมอีกด้วย

ในบรรดาการลงทุนต่าง ๆ การเทรด Forex นับเป็นรูปแบบการลงทุนอันดับต้น ๆ ที่ได้รับความสนใจและถูกพูดถึงมากที่สุดเลยก็ว่าได้ หากกำลังสนใจแต่ไม่รู้จะเริ่มต้นที่ตรงไหน FXGT.com พร้อมไขข้อข้องใจด้วยคู่มือการเทรด Forex ฉบับเริ่มต้น สำหรับเทรดเดอร์หน้าใหม่ เข้าใจง่าย เห็นภาพชัด

ก่อนจะเริ่มเทรด เทรดเดอร์มือใหม่อย่างเรา ๆ ควรจะมาทำความรู้จักที่มาที่ไปของคำว่า Forex กันก่อน Forex เขียนทับศัพท์ในภาษาไทยว่า ฟอเรกซ์ มาจากคำว่า Foreign Currency ที่มีความหมายว่า สกุลเงินต่างประเทศ และคำว่า Exchange ที่แปลว่า การแลกเปลี่ยน รวมแล้ว Forex ก็คือ <a href="https://fxgt.com/forex">ตลาดแลกเปลี่ยนหรือซื้อขายสกุลเงินต่างประเทศ</a>นั่นเอง

หลาย ๆ คน อาจจะรู้จักกับ Forex ในชื่ออื่น ๆ เช่น Currency Trading Market, Forex Market หรือ FX ก็ให้ทราบได้เลยว่าคือเจ้า Forex ตัวเดียวกันนี่เอง

Forex เปรียบเสมือนศูนย์กลางหรือตลาดการซื้อขายสกุลเงินต่างประเทศ เพื่อนำไปต่อยอดการลงทุนในอุตสาหกรรมหลากหลาย เช่น ท่องเที่ยว การพาณิชย์ และอื่น ๆ อีกมากมาย

การซื้อขายเงินตราแต่ละสกุลจะทำเป็นคู่ เช่น EUR/USD, USD/JPY และ GBP/EUR สกุลเงินแรก เรียกว่า “Base Currency” เป็น สกุลเงินหลัก ส่วนสกุลเงินที่สอง คือ “Quote Currency” หรือที่เรียกกันว่า ค่าอ้างอิง ส่วน “Currency Exchange Rate” คือ อัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินซึ่งแสดงมูลค่าของเงินสกุลหนึ่งเทียบกับเงินอีกสกุลหนึ่งตลาด Forex นับเป็นตลาดการเงินที่ใหญ่และมีสภาพคล่องสูงที่สุดในโลก ด้วยจำนวนการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันมากถึง 6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ สภาพคล่องระดับนี้ทำให้มั่นใจได้ว่านักลงทุนจะเข้าซื้อหรือขายได้อย่างง่ายดาย ส่งผลให้เป็นตลาดที่ดึงดูดนักลงทุนมาก

Forex ทำงานอย่างไร?

ข้อดีของ Forex เป็นตลาดซื้อขายสกุลเงินระหว่างประเทศโดยไม่มีตลาดกลาง เทรดเดอร์ทั้งหลายไม่จำเป็นจะต้องเดินทางไปยังสถานที่ต่าง ๆ เพื่อทำการซื้อขายสกุลเงิน เพราะการซื้อขายบน Forex ทำได้ผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์หรือแพลตฟอร์มออนไลน์ ซึ่งเปิดให้นักลงทุนทั่วโลกเข้าถึงตลาดได้ เรียกว่า “Over-The-Counter (OTC)” แพลตฟอร์มเหล่านี้มีเครื่องมือต่างๆ เช่น บอกราคาวินาทีต่อวินาที, กราฟแสดงราคา, ตัวชี้วัดการวิเคราะห์ทางเทคนิค และระบบสั่งซื้อขาย

จุดเด่นของตลาด Forex เมื่อเทียบกับตลาดการเงินอื่นๆ อย่างเช่นตลาดหุ้น คือการเปิดทำการตลอด 24 ชั่วโมง ห้าวันครึ่งต่อสัปดาห์ Forex ไม่มีวันหยุดทำการ จะหยุดก็ต่อเมื่อวันสุดสัปดาห์ซึ่งเป็นช่วงปิดทำการของศูนย์กลางการเงินหลักๆ ส่วนเวลาเปิดปิดตลาดจะวนไปตามเขตเวลา เริ่มเปิดอาทิตย์ช่วงเย็นๆ ตามเวลาเอเชีย และปิดวันศุกร์ช่วงเย็นๆ ตามเวลาอเมริกา

ศูนย์กลางหลักๆ ของตลาด Forex อยู่ในทุกเมืองสำคัญทั่วโลก ได้แก่ โตเกียว แฟรงก์เฟิร์ต ลอนดอน ฮ่องกง สิงคโปร์ นิวยอร์ก ซิดนีย์ ปารีส และซูริค เมืองเหล่านี้อยู่ในเขตเวลาต่างๆ กัน ทำให้ตลาด Forex มีการเคลื่อนไหวและนักลงทุนเข้าถึงได้ตลอดทั้งวัน

หน้าที่ของโบรกเกอร์คือเป็นคนกลางระหว่างนักลงทุนกับตลาด Forex ของธนาคารต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกในการซื้อขาย เทรดเดอร์จะใช้แพลตฟอร์มของโบรกเกอร์เพื่อเปิดคำสั่งซื้อหรือขาย จัดการบัญชีของตน และดูข้อมูลราคาตลาดแบบเรียลไทม์

ตัวอย่างเช่นเว็บไซต์ FXGT.com ก็มีแพลตฟอร์มใช้งานง่ายและเน้นให้บริการลูกค้าทุกระดับ ตั้งแต่เทรดเดอร์หน้าใหม่ไปถึงนักลงทุนมือฉมัง โดยให้เทรดได้หลากหลายสินทรัพย์ ทั้งเงินตราต่างๆ หุ้นยอดนิยม ดัชนี คริปโตเคอเรนซี่ สินค้าโภคภัณฑ์กลุ่มพลังงาน และโลหะราคาสูง

สิ่งที่เกิดขึ้นในการซื้อขาย <a href="https://fxgt.com/forex">Forex</a> คือเทรดเดอร์จะคาดเดาทิศทางของราคาเงินแต่ละสกุล สามารถซื้อ (long position) หากคาดว่าราคากำลังจะขึ้น หรือขาย (short position) หากคาดว่าจะลง นอกจากนี้การใช้เลเวอเรจก็เป็นเรื่องปกติในตลาด Forex ซึ่งช่วยให้นักลงทุนใช้เงินทุนน้อยแต่ควบคุมการซื้อขายปริมาณมากได้

เลเวอเรจ (Leverage) คืออะไร?

เครื่องมือสำคัญที่ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการลงทุนให้กับเทรดเดอร์ ทำให้เทรดเดอร์ที่ซื้อขายสกุลเงินผ่านแพลตฟอร์มของโบรกเกอร์สามารถกู้ยืมสินเชื่อเพื่อการลงทุนในตลาด Forex ได้ ช่วยเพิ่มขนาดของการลงทุนให้สูงขึ้นไปพร้อม ๆ กับผลลัพธ์หรือกำไรที่จะตามมานั่นเอง

ตัวแปรที่ส่งผลกระทบต่อตลาด Forex

มีปัจจัยหลายอย่างที่ส่งผลต่อราคาในตลาด Forex ไม่ว่าจะเป็นตัวเลขทาง<a href="https://thethaiger.com/th/thai-news/economy/">เศรษฐกิจ</a> เช่น อัตราดอกเบี้ย อัตราเงินเฟ้อ และการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) เสถียรภาพทาง<a href="https://thethaiger.com/th/thai-news/political-news/">การเมือง</a> เหตุการณ์ระดับโลก และความเชื่อมั่นของผู้เล่นในตลาด นอกจากนี้ การปรับนโยบายและการเข้ามาแทรกแซงของธนาคารกลาง ก็ทำให้เกิดความผันผวนสูงในตลาดได้เช่นกัน

สำหรับนักลงทุนที่จะประสบความสำเร็จในตลาดนี้จำเป็นต้องวิเคราะห์ปัจจัยต่างๆ อย่างครอบคลุมทั้งการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน ซึ่งดูที่ตัวเลขเศรษฐกิจและเหตุการณ์โลก ร่วมกับการวิเคราะห์ทางเทคนิค ที่เน้นการดูประวัติราคาย้อนหลังและข้อมูลสถิติเพื่อบ่งชี้แนวโน้มจุดที่จะทำการเข้าซื้อหรือขาย (Entry) และจุดที่จะออกจากการซื้อหรือขาย (Exit) ได้อย่างเหมาะสมกำไรและความเสี่ยง

การลงทุนในตลาด Forex ก็เหมือนกับการลงทุนอื่น ๆ ที่ไม่มีเครื่องการันตีผลกำไร เทรดเดอร์อาจต้องเผชิญการขาดทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากขาดความรู้และความเข้าใจในตลาด Forexดังนั้น ก่อนเข้าสู่การเทรดจริง ควรศึกษาข้อมูลให้ดีและลองใช้บัญชีทดลอง (demo account) ก่อน การจะเทรด Forex อย่างมีความรับผิดชอบ จำเป็นต้องเข้าใจความเสี่ยง รู้จักใช้คำสั่งหยุดขาดทุน (stop-loss) และมีกลยุทธ์การลงทุนที่หลากหลาย

1.&nbsp;ตลาด Forex เป็นตลาดไร้ศูนย์กลางที่เปิดให้ซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตราของประเทศต่างๆ เพื่อรองรับธุรกรรมที่เกิดขึ้นทั่วโลก

2.&nbsp;ด้วยปริมาณการซื้อขายกว่า 6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐต่อวัน ตลาด Forex คือตลาดที่มีสภาพคล่องสูงมาก ผู้ลงทุนเข้าซื้อหรือขายได้สะดวก จึงเป็นที่ดึงดูดของนักลงทุนหัวไว

3.&nbsp;ตลาด Forex ทำงานตลอด 24 ชั่วโมง 5 วันต่อสัปดาห์ในศูนย์กลางการเงินทั่วโลก (ปิดเฉพาะวันหยุดสุดสัปดาห์) ถือเป็นตลาดที่แทบจะไม่มีช่วงเวลาหยุดนิ่ง

4.&nbsp;ปัจจุบันผู้ที่เคยเป็นเพียงผู้สังเกตการณ์ในตลาด Forex ได้เริ่มเข้ามาเป็นผู้เล่นอย่างจริงจัง ตลาดที่เคยถูกครอบงำโดยคนรวยและสถาบันใหญ่ๆ ก็เปิดกว้างมากขึ้นจนเส้นแบ่งระหว่างรายใหญ่กับรายย่อยเริ่มเลือนลางไป

<a href="https://fxgt.com/register">เริ่มต้นเทรดฟอเร็กซ์เลย!</a>

<a href="https://fxgt.com/register"></a>เปิดบัญชีใช้งานในเว็บไซต์ FXGT.com เพื่อเริ่มเทรด Forex บนตลาดโลกได้แล้ววันนี้! หากคุณยังเป็นมือใหม่กับฟอเร็กซ์ (FX) และอยากที่จะฝึกฝนการเทรดในสภาพแวดล้อมที่ไร้ความเสี่ยง คุณสามารถเปิดบัญชีทดลองใน FXGT.com ได้เช่นกัน&nbsp;&nbsp;

สรุปมาให้แล้ว วิธีการเป็นนักลงทุนมืออาชีพแบบไม่ยากด้วย FXGT.com เริ่มต้นเทรดได้อย่างมั่นใจด้วยคู่มือเริ่มต้นที่ชัดเจนและสอนการเทรดอย่างเป็นระบบการจะผันตัวเป็นนักลงทุนมืออาชีพไม่ยากอย่างที่คิด หากมีความตั้งใจและศึกษาจากแหล่งข้อมูลที่ถูกต้องน่าเชื่อถือ เชื่อว่าการเป็นนักลงทุนมืออาชีพเป็นความฝันของใครหลาย ๆ คน เป็นทางเลือกที่มนุษย์เงินเดือนทั้งหลายสนใจเอาไว้เพื่อหารายได้เสริมอีกด้วยในบรรดาการลงทุนต่าง ๆ การเทรด Forex นับเป็นรูปแบบการลงทุนอันดับต้น ๆ ที่ได้รับความสนใจและถูกพูดถึงมากที่สุดเลยก็ว่าได้ หากกำลังสนใจแต่ไม่รู้จะเริ่มต้นที่ตรงไหน FXGT.com พร้อมไขข้อข้องใจด้วยคู่มือการเทรด Forex ฉบับเริ่มต้น สำหรับเทรดเดอร์หน้าใหม่ เข้าใจง่าย เห็นภาพชัดForex คืออะไร?ก่อนจะเริ่มเทรด เทรดเดอร์มือใหม่อย่างเรา ๆ ควรจะมาทำความรู้จักที่มาที่ไปของคำว่า Forex กันก่อน Forex เขียนทับศัพท์ในภาษาไทยว่า ฟอเรกซ์ มาจากคำว่า Foreign Currency ที่มีความหมายว่า สกุลเงินต่างประเทศ และคำว่า Exchange ที่แปลว่า การแลกเปลี่ยน รวมแล้ว Forex ก็คือ <a href="https://fxgt.com/forex">ตลาดแลกเปลี่ยนหรือซื้อขายสกุลเงินต่างประเทศ</a>นั่นเองหลาย ๆ คน อาจจะรู้จักกับ Forex ในชื่ออื่น ๆ เช่น Currency Trading Market, Forex Market หรือ FX ก็ให้ทราบได้เลยว่าคือเจ้า Forex ตัวเดียวกันนี่เองForex เปรียบเสมือนศูนย์กลางหรือตลาดการซื้อขายสกุลเงินต่างประเทศ เพื่อนำไปต่อยอดการลงทุนในอุตสาหกรรมหลากหลาย เช่น ท่องเที่ยว การพาณิชย์ และอื่น ๆ อีกมากมายการซื้อขายเงินตราแต่ละสกุลจะทำเป็นคู่ เช่น EUR/USD, USD/JPY และ GBP/EUR สกุลเงินแรก เรียกว่า “Base Currency” เป็น สกุลเงินหลัก ส่วนสกุลเงินที่สอง คือ “Quote Currency” หรือที่เรียกกันว่า ค่าอ้างอิง ส่วน “Currency Exchange Rate” คือ อัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินซึ่งแสดงมูลค่าของเงินสกุลหนึ่งเทียบกับเงินอีกสกุลหนึ่งตลาด Forex นับเป็นตลาดการเงินที่ใหญ่และมีสภาพคล่องสูงที่สุดในโลก ด้วยจำนวนการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันมากถึง 6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ สภาพคล่องระดับนี้ทำให้มั่นใจได้ว่านักลงทุนจะเข้าซื้อหรือขายได้อย่างง่ายดาย ส่งผลให้เป็นตลาดที่ดึงดูดนักลงทุนมากForex ทำงานอย่างไร?ข้อดีของ Forex เป็นตลาดซื้อขายสกุลเงินระหว่างประเทศโดยไม่มีตลาดกลาง เทรดเดอร์ทั้งหลายไม่จำเป็นจะต้องเดินทางไปยังสถานที่ต่าง ๆ เพื่อทำการซื้อขายสกุลเงิน เพราะการซื้อขายบน Forex ทำได้ผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์หรือแพลตฟอร์มออนไลน์ ซึ่งเปิดให้นักลงทุนทั่วโลกเข้าถึงตลาดได้ เรียกว่า “Over-The-Counter (OTC)” แพลตฟอร์มเหล่านี้มีเครื่องมือต่างๆ เช่น บอกราคาวินาทีต่อวินาที, กราฟแสดงราคา, ตัวชี้วัดการวิเคราะห์ทางเทคนิค และระบบสั่งซื้อขายจุดเด่นของตลาด Forex เมื่อเทียบกับตลาดการเงินอื่นๆ อย่างเช่นตลาดหุ้น คือการเปิดทำการตลอด 24 ชั่วโมง ห้าวันครึ่งต่อสัปดาห์ Forex ไม่มีวันหยุดทำการ จะหยุดก็ต่อเมื่อวันสุดสัปดาห์ซึ่งเป็นช่วงปิดทำการของศูนย์กลางการเงินหลักๆ ส่วนเวลาเปิดปิดตลาดจะวนไปตามเขตเวลา เริ่มเปิดอาทิตย์ช่วงเย็นๆ ตามเวลาเอเชีย และปิดวันศุกร์ช่วงเย็นๆ ตามเวลาอเมริกาศูนย์กลางหลักๆ ของตลาด Forex อยู่ในทุกเมืองสำคัญทั่วโลก ได้แก่ โตเกียว แฟรงก์เฟิร์ต ลอนดอน ฮ่องกง สิงคโปร์ นิวยอร์ก ซิดนีย์ ปารีส และซูริค เมืองเหล่านี้อยู่ในเขตเวลาต่างๆ กัน ทำให้ตลาด Forex มีการเคลื่อนไหวและนักลงทุนเข้าถึงได้ตลอดทั้งวันหน้าที่ของโบรกเกอร์คือเป็นคนกลางระหว่างนักลงทุนกับตลาด Forex ของธนาคารต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกในการซื้อขาย เทรดเดอร์จะใช้แพลตฟอร์มของโบรกเกอร์เพื่อเปิดคำสั่งซื้อหรือขาย จัดการบัญชีของตน และดูข้อมูลราคาตลาดแบบเรียลไทม์ตัวอย่างเช่นเว็บไซต์ FXGT.com ก็มีแพลตฟอร์มใช้งานง่ายและเน้นให้บริการลูกค้าทุกระดับ ตั้งแต่เทรดเดอร์หน้าใหม่ไปถึงนักลงทุนมือฉมัง โดยให้เทรดได้หลากหลายสินทรัพย์ ทั้งเงินตราต่างๆ หุ้นยอดนิยม ดัชนี คริปโตเคอเรนซี่ สินค้าโภคภัณฑ์กลุ่มพลังงาน และโลหะราคาสูงสิ่งที่เกิดขึ้นในการซื้อขาย <a href="https://fxgt.com/forex">Forex</a> คือเทรดเดอร์จะคาดเดาทิศทางของราคาเงินแต่ละสกุล สามารถซื้อ (long position) หากคาดว่าราคากำลังจะขึ้น หรือขาย (short position) หากคาดว่าจะลง นอกจากนี้การใช้เลเวอเรจก็เป็นเรื่องปกติในตลาด Forex ซึ่งช่วยให้นักลงทุนใช้เงินทุนน้อยแต่ควบคุมการซื้อขายปริมาณมากได้เลเวอเรจ (Leverage) คืออะไร?เครื่องมือสำคัญที่ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการลงทุนให้กับเทรดเดอร์ ทำให้เทรดเดอร์ที่ซื้อขายสกุลเงินผ่านแพลตฟอร์มของโบรกเกอร์สามารถกู้ยืมสินเชื่อเพื่อการลงทุนในตลาด Forex ได้ ช่วยเพิ่มขนาดของการลงทุนให้สูงขึ้นไปพร้อม ๆ กับผลลัพธ์หรือกำไรที่จะตามมานั่นเองตัวแปรที่ส่งผลกระทบต่อตลาด Forexมีปัจจัยหลายอย่างที่ส่งผลต่อราคาในตลาด Forex ไม่ว่าจะเป็นตัวเลขทาง<a href="https://thethaiger.com/th/thai-news/economy/">เศรษฐกิจ</a> เช่น อัตราดอกเบี้ย อัตราเงินเฟ้อ และการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) เสถียรภาพทาง<a href="https://thethaiger.com/th/thai-news/political-news/">การเมือง</a> เหตุการณ์ระดับโลก และความเชื่อมั่นของผู้เล่นในตลาด นอกจากนี้ การปรับนโยบายและการเข้ามาแทรกแซงของธนาคารกลาง ก็ทำให้เกิดความผันผวนสูงในตลาดได้เช่นกันสำหรับนักลงทุนที่จะประสบความสำเร็จในตลาดนี้จำเป็นต้องวิเคราะห์ปัจจัยต่างๆ อย่างครอบคลุมทั้งการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน ซึ่งดูที่ตัวเลขเศรษฐกิจและเหตุการณ์โลก ร่วมกับการวิเคราะห์ทางเทคนิค ที่เน้นการดูประวัติราคาย้อนหลังและข้อมูลสถิติเพื่อบ่งชี้แนวโน้มจุดที่จะทำการเข้าซื้อหรือขาย (Entry) และจุดที่จะออกจากการซื้อหรือขาย (Exit) ได้อย่างเหมาะสมกำไรและความเสี่ยงการลงทุนในตลาด Forex ก็เหมือนกับการลงทุนอื่น ๆ ที่ไม่มีเครื่องการันตีผลกำไร เทรดเดอร์อาจต้องเผชิญการขาดทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากขาดความรู้และความเข้าใจในตลาด Forexดังนั้น ก่อนเข้าสู่การเทรดจริง ควรศึกษาข้อมูลให้ดีและลองใช้บัญชีทดลอง (demo account) ก่อน การจะเทรด Forex อย่างมีความรับผิดชอบ จำเป็นต้องเข้าใจความเสี่ยง รู้จักใช้คำสั่งหยุดขาดทุน (stop-loss) และมีกลยุทธ์การลงทุนที่หลากหลายสรุป1.&nbsp;ตลาด Forex เป็นตลาดไร้ศูนย์กลางที่เปิดให้ซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตราของประเทศต่างๆ เพื่อรองรับธุรกรรมที่เกิดขึ้นทั่วโลก2.&nbsp;ด้วยปริมาณการซื้อขายกว่า 6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐต่อวัน ตลาด Forex คือตลาดที่มีสภาพคล่องสูงมาก ผู้ลงทุนเข้าซื้อหรือขายได้สะดวก จึงเป็นที่ดึงดูดของนักลงทุนหัวไว3.&nbsp;ตลาด Forex ทำงานตลอด 24 ชั่วโมง 5 วันต่อสัปดาห์ในศูนย์กลางการเงินทั่วโลก (ปิดเฉพาะวันหยุดสุดสัปดาห์) ถือเป็นตลาดที่แทบจะไม่มีช่วงเวลาหยุดนิ่ง4.&nbsp;ปัจจุบันผู้ที่เคยเป็นเพียงผู้สังเกตการณ์ในตลาด Forex ได้เริ่มเข้ามาเป็นผู้เล่นอย่างจริงจัง ตลาดที่เคยถูกครอบงำโดยคนรวยและสถาบันใหญ่ๆ ก็เปิดกว้างมากขึ้นจนเส้นแบ่งระหว่างรายใหญ่กับรายย่อยเริ่มเลือนลางไป<a href="https://fxgt.com/register">เริ่มต้นเทรดฟอเร็กซ์เลย!</a><a href="https://fxgt.com/register"></a>เปิดบัญชีใช้งานในเว็บไซต์ FXGT.com เพื่อเริ่มเทรด Forex บนตลาดโลกได้แล้ววันนี้! หากคุณยังเป็นมือใหม่กับฟอเร็กซ์ (FX) และอยากที่จะฝึกฝนการเทรดในสภาพแวดล้อมที่ไร้ความเสี่ยง คุณสามารถเปิดบัญชีทดลองใน FXGT.com ได้เช่นกัน&nbsp;&nbsp;<h2>About FXGT</h2>FXGT.com enhances trading with diverse accounts, market access, and strict regulation. Awarded for excellence in trading conditions and broker services in 2024.

สรุปมาให้แล้ว วิธีการเป็นนักลงทุนมืออาชีพแบบไม่ยากด้วย FXGT.com เริ่มต้นเทรดได้อย่างมั่นใจด้วยคู่มือเริ่มต้นที่ชัดเจนและสอนการเทรดอย่างเป็นระบบ

How to play Forex? Beginner's Guide For new traders

คุณอรรถกฤต ชิมผลาพิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด กล่าวว่า การได้รับ “รางวัลสุดยอดผู้ให้บริการธุรกิจคอนแทคเซ็นเตอร์ทางโซเชียลมีเดีย” ถือเป็นเกียรติอย่างมาก เพราะบริษัทได้ทุ่มเทพัฒนาระบบการให้บริการเพื่อสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ได้รับบริการที่รวดเร็ว ถูกต้อง ตอบสนองความต้องการของลูกค้าพร้อมเข้าถึงได้ตลอดเวลา โดยยึดหลัก “Customer comes first.” หรือ “ลูกค้าต้องมาก่อน” นับตั้งแต่วันแรกที่เริ่มธุรกิจ&nbsp;

การผ่านคัดเลือกและได้รับรางวัลดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าระบบการให้บริการลูกค้าของบิทคับ เอ็กซ์เชนจ์ มีมาตรฐานการให้บริการที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งจะทำให้กลุ่มลูกค้าปัจจุบันและกลุ่มลูกค้าใหม่จะได้รับความพึงพอใจจากการให้บริการอย่างมืออาชีพ

“นอกจากนี้ ทีมงานของบิทคับ เอ็กซ์เชนจ์ ยังได้รับ “รางวัลผู้จัดการดีเด่น” ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของบุคลากรของเราที่ช่วยกันคิดค้น และผลักดันกระบวนการใหม่ ๆ เพื่อให้เรามีแนวทางการให้บริการที่เป็นมาตรฐานและปรับปรุงวิธีดำเนินการให้ทันสมัยอยู่เสมอ โดยไม่หยุดที่จะพัฒนาคุณภาพการให้บริการ ซึ่งรางวัลที่เราได้มานั้นเป็นเครื่องตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นดังกล่าว” คุณอรรถกฤต ชิมผลาพิบูลย์ กล่าว

คุณชัญธิกา ชมโฉม รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านทรัพยากรบุคคลและด้านปฏิบัติการ บริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด กล่าวเสริมว่า บิทคับให้ความสำคัญกับการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพของทีมงานเป็นสำคัญ เพราะเราเชื่อว่า หากทีมงานได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่แล้ว จะช่วยเพิ่มคุณภาพการให้บริการที่ดีให้แก่ลูกค้าของเราตามมา ซึ่งทั้งสองรางวัลนี้เป็นผลมาจากความทุ่มเทและความตั้งใจพัฒนาคุณภาพการให้บริการแก่ลูกค้ามาโดยตลอด ต้องขอบคุณทีมงานทุกคนที่ร่วมเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้บิทคับได้รางวัลนี้ โดยรางวัลนี้เป็นความสำเร็จก้าวหนึ่งที่ทำให้พวกเรามีกำลังใจในการมุ่งมั่นพัฒนาต่อไป เพื่อให้การให้บริการของบิทคับมีความเป็น “มาตรฐานที่เหนือกว่า” และเป็นไปตามเจตนารมณ์ที่จะ “มอบความพึงพอใจของลูกค้าที่ดียิ่งกว่า” ด้วย

บิทคับ เอ็กซ์เชนจ์ จะมุ่งมั่นพัฒนาคุณภาพการให้บริการของเราให้ดียิ่งขึ้นต่อไป เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่และความพึงพอใจที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้าของเราทุกคน

<h1>บิทคับ เอ็กซ์เชนจ์ คว้ารางวัลสุดยอด Social Media Contact Center 2023 พร้อมมุ่งพัฒนาการให้บริการ เพื่อความพึงพอใจของลูกค้าที่ดีที่สุด</h1>บริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด หรือ บิทคับ เอ็กซ์เชนจ์ ผู้ให้บริการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลชั้นนำในประเทศไทย คว้า 2 รางวัล “The Best Social Media Contact Center” และ “The Best Contact Center 2023 ประเภท Manager ดีเด่น (Tele-service)” จากงานประกาศรางวัล “TCCTA Contact Center Awards 2023” ของสมาคมการค้าธุรกิจศูนย์บริการทางโทรศัพท์ไทย มอบให้กับผู้ให้บริการติดต่อลูกค้า (Contact Center) ที่มีประสิทธิภาพและความเป็นเลิศในด้านการให้บริการที่โดดเด่นและและสร้างความประทับใจให้แก่ผู้ใช้บริการ โดยมีบริษัทชั้นนำในด้านบริการติดต่อลูกค้าเข้าร่วมงานมากกว่า 20 บริษัท เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2566 ที่ผ่านมาคุณอรรถกฤต ชิมผลาพิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด กล่าวว่า การได้รับ “รางวัลสุดยอดผู้ให้บริการธุรกิจคอนแทคเซ็นเตอร์ทางโซเชียลมีเดีย” ถือเป็นเกียรติอย่างมาก เพราะบริษัทได้ทุ่มเทพัฒนาระบบการให้บริการเพื่อสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ได้รับบริการที่รวดเร็ว ถูกต้อง ตอบสนองความต้องการของลูกค้าพร้อมเข้าถึงได้ตลอดเวลา โดยยึดหลัก “Customer comes first.” หรือ “ลูกค้าต้องมาก่อน” นับตั้งแต่วันแรกที่เริ่มธุรกิจ&nbsp;การผ่านคัดเลือกและได้รับรางวัลดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าระบบการให้บริการลูกค้าของบิทคับ เอ็กซ์เชนจ์ มีมาตรฐานการให้บริการที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งจะทำให้กลุ่มลูกค้าปัจจุบันและกลุ่มลูกค้าใหม่จะได้รับความพึงพอใจจากการให้บริการอย่างมืออาชีพ“นอกจากนี้ ทีมงานของบิทคับ เอ็กซ์เชนจ์ ยังได้รับ “รางวัลผู้จัดการดีเด่น” ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของบุคลากรของเราที่ช่วยกันคิดค้น และผลักดันกระบวนการใหม่ ๆ เพื่อให้เรามีแนวทางการให้บริการที่เป็นมาตรฐานและปรับปรุงวิธีดำเนินการให้ทันสมัยอยู่เสมอ โดยไม่หยุดที่จะพัฒนาคุณภาพการให้บริการ ซึ่งรางวัลที่เราได้มานั้นเป็นเครื่องตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นดังกล่าว” คุณอรรถกฤต ชิมผลาพิบูลย์ กล่าวคุณชัญธิกา ชมโฉม รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านทรัพยากรบุคคลและด้านปฏิบัติการ บริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด กล่าวเสริมว่า บิทคับให้ความสำคัญกับการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพของทีมงานเป็นสำคัญ เพราะเราเชื่อว่า หากทีมงานได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่แล้ว จะช่วยเพิ่มคุณภาพการให้บริการที่ดีให้แก่ลูกค้าของเราตามมา ซึ่งทั้งสองรางวัลนี้เป็นผลมาจากความทุ่มเทและความตั้งใจพัฒนาคุณภาพการให้บริการแก่ลูกค้ามาโดยตลอด ต้องขอบคุณทีมงานทุกคนที่ร่วมเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้บิทคับได้รางวัลนี้ โดยรางวัลนี้เป็นความสำเร็จก้าวหนึ่งที่ทำให้พวกเรามีกำลังใจในการมุ่งมั่นพัฒนาต่อไป เพื่อให้การให้บริการของบิทคับมีความเป็น “มาตรฐานที่เหนือกว่า” และเป็นไปตามเจตนารมณ์ที่จะ “มอบความพึงพอใจของลูกค้าที่ดียิ่งกว่า” ด้วยบิทคับ เอ็กซ์เชนจ์ จะมุ่งมั่นพัฒนาคุณภาพการให้บริการของเราให้ดียิ่งขึ้นต่อไป เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่และความพึงพอใจที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้าของเราทุกคนบริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด เริ่มดำเนินธุรกิจเมื่อ เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561 ด้วยความมุ่งมั่นที่จะให้บริการการซื้อขายแลกเปลี่ยนคริปโทเคอร์เรนซีที่มีมาตรฐานเดียวกับนานาชาติ และมีความปลอดภัยสูงสุดแก่ประชาชนไทยอย่างถูกต้องตามกฎหมาย บริษัทจึงได้จดทะเบียนจัดตั้งบริษัทกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ขึ้น โดยมีทุนจดทะเบียนเริ่มต้น 80 ล้านบาท และมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงเทพมหานคร เลขที่ 2525 ชั้น 11 ตึก FYI Center(อาคาร 2) ถนนพระรามที่ 4 แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร 10110 บริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด
โทร 02-032-9555
อีเมล support@bitkub.com

Foundations / Associations

บริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด หรือ บิทคับ เอ็กซ์เชนจ์ ผู้ให้บริการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลชั้นนำในประเทศไทย คว้า 2 รางวัล “The Best Social Media Contact Center” และ “The Best Contact Center 2023 ประเภท Manager ดีเด่น (Tele-service)” จากงานประกาศรางวัล “TCCTA Contact Center Awards 2023” ของสมาคมการค้าธุรกิจศูนย์บริการทางโทรศัพท์ไทย มอบให้กับผู้ให้บริการติดต่อลูกค้า (Contact Center) ที่มีประสิทธิภาพและความเป็นเลิศในด้านการให้บริการที่โดดเด่นและและสร้างความประทับใจให้แก่ผู้ใช้บริการ โดยมีบริษัทชั้นนำในด้านบริการติดต่อลูกค้าเข้าร่วมงานมากกว่า 20 บริษัท เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2566 ที่ผ่านมา

บิทคับ เอ็กซ์เชนจ์ คว้ารางวัลสุดยอด Social Media Contact Center 2023 พร้อมมุ่งพัฒนาการให้บริการ เพื่อความพึงพอใจของลูกค้าที่ดีที่สุด

นายอรรถกฤต ชิมผลาพิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด กล่าวว่า “Asset Tokenization เป็นแนวความคิดใหม่ สามารถที่จะทำให้สินทรัพย์ต่าง ๆ กลายไปอยู่ในรูปแบบโทเคน (Tokenize) นับเป็นเครื่องมือหนึ่งที่ช่วยกระจายความเสี่ยงที่ดีให้กับผู้ลงทุน ซึ่งวันนี้ก็เป็นวันที่น่ายินดีมาก ๆ ที่ บิทคับ เอ็กซ์เชนจ์ ได้พาร์ตเนอร์กับ RealX ซึ่งเป็นผู้ออกหลักทรัพย์ (Issuer) ของโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุน (Investment Token) รายแรก ๆ ของประเทศไทยและเพื่อนำมาเทรดบนกระดานบิทคับ เอ็กซ์เชนจ์ของเรา”

ดร.วีรพงษ์ ชุติภัทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เรียล เอสเตท เอกซ์โพเนนเชียล จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า “REALX Investment Token เป็นโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุนที่มีสินทรัพย์ค้ำประกันเป็นอสังหาริมทรัพย์ ถูกพัฒนาขึ้นโดยบริษัท เรียล เอสเตท เอกซ์โพเนนเชียล จำกัด ร่วมกับบริษัท โทเคน เอกซ์ จำกัด ความร่วมมือระหว่าง Bitkub, RealX และ Token X ในครั้งนี้ ซึ่งเป็นการเชื่อมโยงสิ่งต่าง ๆ บนโลกผ่านการ Tokenization นับได้ว่าเป็นความร่วมมือที่จะสร้างให้เกิดโอกาสและเข้าถึงการลงทุนได้มากกว่าเดิม”

ทั้งนี้ REALX ได้เสนอขายโทเคนดิจิทัลให้แก่ประชาชนทั่วไประหว่างวันที่ 1 กรกฎาคม – 31 สิงหาคม 2566 ที่ผ่านมา จำนวนวนรวม 13,186,813 โทเคน ในราคาโทเคนละ 182 บาท มีมูลค่าเสนอขาย 2,400 ล้านบาท โดยจะนำเงินระดมทุนดังกล่าวเข้าลงทุนในสัญญา RSTA (Revenue Sale and Transfer Agreement) มูลค่าเข้าลงทุน 2,304 ล้านบาท และคาดว่าจะมีโทเคนดิจิทัล REALX ซื้อขายในศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลทุกแห่งตามหนังสือชี้ชวน รวมทั้งสิ้นประมาณ 5,494,505 โทเคน ทั้งนี้ มีบริษัท โทเคน เอกซ์ จำกัด เป็นผู้ให้บริการระบบเสนอขายโทเคนดิจิทัล (ICO Portal) และ บลจ. ไทยพาณิชย์ จำกัด (SCBAM) เป็นทรัสตี&nbsp;

คุณจิตตินันท์ ชาติสีหราช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทเคน เอกซ์ จำกัด กล่าวว่า “โทเคน REALX ถูกพัฒนาขึ้นบนเครือข่าย TKX Chain ที่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัย โดยใช้สัญญาอัจฉริยะ หรือ Smart Contract เพื่อดูแลการทำธุรกรรมของโทเคนอีกด้วย ซึ่ง TKX Chain ถือเป็น Blockchain Network ท่ีถูกพัฒนาอยู่บนเทคโนโลยี Ethereum Virtual Machine ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเดียวกับ Ethereum Network ”

ทางด้านคุณพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า&nbsp;“ในมุมของผู้ประกอบกิจการด้านอสังหาริมทรัพย์ ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ มองเห็นโอกาสของการทำโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุนหรือ Real Estate-Backed Token ด้วยการนำกระแสรายรับจากคอนโดมิเนียมมาเป็นสินทรัพย์อ้างอิง โดยโทเคนดิจิทัล REALX มีวัตถุประสงค์นำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปลงทุนในสัญญา RSTA (Revenue Sale and Transfer Agreement) เพื่อให้ได้มาซึ่งกระแสรายรับจากทรัพย์สินโครงการของบริษัท เรียล เอสเตท อินทิเกรชั่น จำกัด ซึ่งจะเป็นผู้ได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์ของห้องชุด 3 โครงการใน 3 ทำเลทองได้แก่ ห้องชุดของโครงการพาร์ค ออริจิ้น พร้อมพงษ์ จำนวน 93 ห้อง ห้องชุดของโครงการพาร์ค ออริจิ้น พญาไท จำนวน 84 ห้อง และห้องชุดของโครงการพาร์ค ออริจิ้น ทองหล่อ จำนวน 67 ห้อง”

ความร่วมมือในครั้งนี้ถือเป็นความร่วมมือครั้งสำคัญของบริษัทพันธมิตร นับว่าเป็นการพลิกมิติการลงทุนในโทเคนดิจิตอลสนับสนุนการลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์ไทย

<h1>บิทคับ เอ็กซ์เชนจ์ เปิดเทรด REALX โทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุนเป็นครั้งแรก 25 ก.ย. นี้</h1>บริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด ร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจได้แก่ บริษัท เรียล เอสเตท เอกซ์โพเนนเชียล จำกัด บริษัท โทเคน เอกซ์ จำกัด และบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ร่วมพิธีเปิดการซื้อขายโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุนเป็นครั้งแรกบนกระดาน “บิทคับ เอ็กซ์เชนจ์” ซึ่งถูกออกโดย บริษัท เรียล เอสเตท เอกซ์โพเนนเชียล จำกัด (RealX) โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายว่า “REALX” โดยมีกำหนดเข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายบนกระดานบิทคับ เอ็กซ์เชนจ์ ตั้งแต่วันที่ 25 กันยายน 2566 เวลา 10:00 น. เป็นต้นไป ซึ่งถือเป็นโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุนโทเคนเหรียญแรกบนกระดานบิทคับ เอ็กซ์เชนจ์นายอรรถกฤต ชิมผลาพิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด กล่าวว่า “Asset Tokenization เป็นแนวความคิดใหม่ สามารถที่จะทำให้สินทรัพย์ต่าง ๆ กลายไปอยู่ในรูปแบบโทเคน (Tokenize) นับเป็นเครื่องมือหนึ่งที่ช่วยกระจายความเสี่ยงที่ดีให้กับผู้ลงทุน ซึ่งวันนี้ก็เป็นวันที่น่ายินดีมาก ๆ ที่ บิทคับ เอ็กซ์เชนจ์ ได้พาร์ตเนอร์กับ RealX ซึ่งเป็นผู้ออกหลักทรัพย์ (Issuer) ของโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุน (Investment Token) รายแรก ๆ ของประเทศไทยและเพื่อนำมาเทรดบนกระดานบิทคับ เอ็กซ์เชนจ์ของเรา”ดร.วีรพงษ์ ชุติภัทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เรียล เอสเตท เอกซ์โพเนนเชียล จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า “REALX Investment Token เป็นโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุนที่มีสินทรัพย์ค้ำประกันเป็นอสังหาริมทรัพย์ ถูกพัฒนาขึ้นโดยบริษัท เรียล เอสเตท เอกซ์โพเนนเชียล จำกัด ร่วมกับบริษัท โทเคน เอกซ์ จำกัด ความร่วมมือระหว่าง Bitkub, RealX และ Token X ในครั้งนี้ ซึ่งเป็นการเชื่อมโยงสิ่งต่าง ๆ บนโลกผ่านการ Tokenization นับได้ว่าเป็นความร่วมมือที่จะสร้างให้เกิดโอกาสและเข้าถึงการลงทุนได้มากกว่าเดิม”ทั้งนี้ REALX ได้เสนอขายโทเคนดิจิทัลให้แก่ประชาชนทั่วไประหว่างวันที่ 1 กรกฎาคม – 31 สิงหาคม 2566 ที่ผ่านมา จำนวนวนรวม 13,186,813 โทเคน ในราคาโทเคนละ 182 บาท มีมูลค่าเสนอขาย 2,400 ล้านบาท โดยจะนำเงินระดมทุนดังกล่าวเข้าลงทุนในสัญญา RSTA (Revenue Sale and Transfer Agreement) มูลค่าเข้าลงทุน 2,304 ล้านบาท และคาดว่าจะมีโทเคนดิจิทัล REALX ซื้อขายในศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลทุกแห่งตามหนังสือชี้ชวน รวมทั้งสิ้นประมาณ 5,494,505 โทเคน ทั้งนี้ มีบริษัท โทเคน เอกซ์ จำกัด เป็นผู้ให้บริการระบบเสนอขายโทเคนดิจิทัล (ICO Portal) และ บลจ. ไทยพาณิชย์ จำกัด (SCBAM) เป็นทรัสตี&nbsp;คุณจิตตินันท์ ชาติสีหราช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทเคน เอกซ์ จำกัด กล่าวว่า “โทเคน REALX ถูกพัฒนาขึ้นบนเครือข่าย TKX Chain ที่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัย โดยใช้สัญญาอัจฉริยะ หรือ Smart Contract เพื่อดูแลการทำธุรกรรมของโทเคนอีกด้วย ซึ่ง TKX Chain ถือเป็น Blockchain Network ท่ีถูกพัฒนาอยู่บนเทคโนโลยี Ethereum Virtual Machine ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเดียวกับ Ethereum Network ”ทางด้านคุณพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า&nbsp;“ในมุมของผู้ประกอบกิจการด้านอสังหาริมทรัพย์ ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ มองเห็นโอกาสของการทำโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุนหรือ Real Estate-Backed Token ด้วยการนำกระแสรายรับจากคอนโดมิเนียมมาเป็นสินทรัพย์อ้างอิง โดยโทเคนดิจิทัล REALX มีวัตถุประสงค์นำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปลงทุนในสัญญา RSTA (Revenue Sale and Transfer Agreement) เพื่อให้ได้มาซึ่งกระแสรายรับจากทรัพย์สินโครงการของบริษัท เรียล เอสเตท อินทิเกรชั่น จำกัด ซึ่งจะเป็นผู้ได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์ของห้องชุด 3 โครงการใน 3 ทำเลทองได้แก่ ห้องชุดของโครงการพาร์ค ออริจิ้น พร้อมพงษ์ จำนวน 93 ห้อง ห้องชุดของโครงการพาร์ค ออริจิ้น พญาไท จำนวน 84 ห้อง และห้องชุดของโครงการพาร์ค ออริจิ้น ทองหล่อ จำนวน 67 ห้อง”ความร่วมมือในครั้งนี้ถือเป็นความร่วมมือครั้งสำคัญของบริษัทพันธมิตร นับว่าเป็นการพลิกมิติการลงทุนในโทเคนดิจิตอลสนับสนุนการลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์ไทย<img style="max-width:100%;height:auto;" src="https://vritimes-public.s3.ap-southeast-1.amazonaws.com/production/3a4bede5e2c891d15dc5261ee844665f185f1b7329ec9d4049b7aa9265f00f1d/Photo002-copy-575cc03c-e1695638554953.jpg" alt="Image"/>บริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด เริ่มดำเนินธุรกิจเมื่อ เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561 ด้วยความมุ่งมั่นที่จะให้บริการการซื้อขายแลกเปลี่ยนคริปโทเคอร์เรนซีที่มีมาตรฐานเดียวกับนานาชาติ และมีความปลอดภัยสูงสุดแก่ประชาชนไทยอย่างถูกต้องตามกฎหมาย บริษัทจึงได้จดทะเบียนจัดตั้งบริษัทกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ขึ้น โดยมีทุนจดทะเบียนเริ่มต้น 80 ล้านบาท และมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงเทพมหานคร เลขที่ 2525 ชั้น 11 ตึก FYI Center(อาคาร 2) ถนนพระรามที่ 4 แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร 10110 บริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด
โทร 02-032-9555
อีเมล support@bitkub.com

Real Estate / Architecture / Construction

บริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด ร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจได้แก่ บริษัท เรียล เอสเตท เอกซ์โพเนนเชียล จำกัด บริษัท โทเคน เอกซ์ จำกัด และบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ร่วมพิธีเปิดการซื้อขายโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุนเป็นครั้งแรกบนกระดาน “บิทคับ เอ็กซ์เชนจ์” ซึ่งถูกออกโดย บริษัท เรียล เอสเตท เอกซ์โพเนนเชียล จำกัด (RealX) โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายว่า “REALX” โดยมีกำหนดเข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายบนกระดานบิทคับ เอ็กซ์เชนจ์ ตั้งแต่วันที่ 25 กันยายน 2566 เวลา 10:00 น. เป็นต้นไป ซึ่งถือเป็นโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุนโทเคนเหรียญแรกบนกระดานบิทคับ เอ็กซ์เชนจ์

บิทคับ เอ็กซ์เชนจ์ เปิดเทรด REALX โทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุนเป็นครั้งแรก 25 ก.ย. นี้

The decentralized vision of cryptocurrency was one of the most appealing aspects of the technology when it first emerged. The idea that people could own and control their own money, without the need for a central authority, was revolutionary. However, in recent years, there has been a growing trend toward centralization in the cryptocurrency industry. This has led some to question whether the decentralized vision of crypto is fading away.

There are several reasons for the trend toward centralization in the cryptocurrency industry, the biggest one being customer protection. Like any financial entity, the crypto industry too has been subject to cyber frauds and illicit activity. This is especially true for exchanges and trading platforms where millions of dollars are traded per day and a complete absence of regulations or checks can make it an easy breeding ground for criminal activities.

Governments around the world have slowly started to regulate this industry and most companies based on their geographical location of operations must follow these rules to legally conduct their business. These regulations often require businesses to collect personal information from users and to comply with Know Your Customer (KYC) and Anti-Money Laundering (AML) requirements.

This is especially relevant for crypto financial providers which once started out as anonymous and allowed users to use their services without any checks but have now turned a corner and introduced some form of regulation to comply with local authorities.

In fact, there are very few services still left that follow the decentralized and anonymous vision of blockchain and allow users to be private.&nbsp;<a href="https://www.blockonomics.co/">Blockonomics</a>, a bitcoin payment gateway, allows customers to use their product without the need to undergo KYC. Another example includes Bisq, a decentralized exchange, which operates on a P2P model with no need for ID checks.

The trend toward centralization has a few implications for the future of cryptocurrency. One implication is that it could make it more difficult to achieve the original goal of decentralization. If the majority of cryptocurrency transactions are processed through centralized exchanges, then these exchanges will have a great deal of control over the cryptocurrency market. This could lead to problems such as censorship and manipulation.

Coinbase and Binance, the two biggest names in the crypto ecosystem, are currently under hot waters with the legal authorities for conducting alleged manipulation of the market and illegal use of customer funds.

Another implication of the trend toward centralization is that it could make it more difficult for new businesses to enter the market. Centralized exchanges and other businesses that have already established themselves in the market will have a significant advantage over new businesses. This could lead to a less competitive market, which could stifle innovation.

Despite the challenges, there are still reasons to be optimistic about the future of decentralized cryptocurrency. There is a growing community of developers and users who are committed to the decentralized vision of crypto. These individuals are working on new technologies and solutions that will make it easier to achieve decentralization. Additionally, there is a growing awareness of the importance of decentralization among governments and regulators. This awareness could lead to regulations that are designed to promote decentralization, rather than hinder it.

The future of decentralized cryptocurrency is uncertain. However, there are still reasons to be optimistic. The decentralized vision of crypto is still alive, and there are several people and organizations working to make it a reality.

Some opportunities for decentralized crypto include:

Financial Inclusion: Decentralized crypto could help to provide financial inclusion to people who are currently excluded from the traditional financial system. It could be used by people in developing countries who do not have access to traditional banks.

Lower Fees: Blockchain could help to lower fees for financial transactions, making them an ideal choice for global payments.

Increased Transparency: It could help to increase transparency in the financial system. Blockchain transactions are recorded on a public blockchain, which makes them transparent to anyone who wants to see them.

While some of the challenges it faces are:

Security: Blockchain is still a relatively new technology, and while it is one of the safest technologies, the companies using them are not so much. There have been quite a few high-profile hacks of decentralized exchanges and other crypto platforms.

Regulation: Governments around the world are still trying to figure out how to regulate blockchain and cryptocurrency. This uncertainty could make it difficult for businesses to adopt it.

<a href="https://insights.blockonomics.co/do-crypto-regulations-help-with-its-adoption/">Mass Adoption</a>: Blockchain is still not widely adopted by the general public. Making it difficult for it to achieve its full potential.

Overall, the future of decentralized crypto is uncertain. However, there are both challenges and opportunities for this technology. It remains to be seen whether decentralized crypto will be able to overcome the challenges and achieve its full potential.

<h1>Is the Decentralized Vision of Crypto Fading Away?</h1>The decentralized vision of cryptocurrency was one of the most appealing aspects of the technology when it first emerged. The idea that people could own and control their own money, without the need for a central authority, was revolutionary. However, in recent years, there has been a growing trend toward centralization in the cryptocurrency industry. This has led some to question whether the decentralized vision of crypto is fading away.There are several reasons for the trend toward centralization in the cryptocurrency industry, the biggest one being customer protection. Like any financial entity, the crypto industry too has been subject to cyber frauds and illicit activity. This is especially true for exchanges and trading platforms where millions of dollars are traded per day and a complete absence of regulations or checks can make it an easy breeding ground for criminal activities.Governments around the world have slowly started to regulate this industry and most companies based on their geographical location of operations must follow these rules to legally conduct their business. These regulations often require businesses to collect personal information from users and to comply with Know Your Customer (KYC) and Anti-Money Laundering (AML) requirements.This is especially relevant for crypto financial providers which once started out as anonymous and allowed users to use their services without any checks but have now turned a corner and introduced some form of regulation to comply with local authorities.In fact, there are very few services still left that follow the decentralized and anonymous vision of blockchain and allow users to be private.&nbsp;<a href="https://www.blockonomics.co/">Blockonomics</a>, a bitcoin payment gateway, allows customers to use their product without the need to undergo KYC. Another example includes Bisq, a decentralized exchange, which operates on a P2P model with no need for ID checks.The trend toward centralization has a few implications for the future of cryptocurrency. One implication is that it could make it more difficult to achieve the original goal of decentralization. If the majority of cryptocurrency transactions are processed through centralized exchanges, then these exchanges will have a great deal of control over the cryptocurrency market. This could lead to problems such as censorship and manipulation.Coinbase and Binance, the two biggest names in the crypto ecosystem, are currently under hot waters with the legal authorities for conducting alleged manipulation of the market and illegal use of customer funds.Another implication of the trend toward centralization is that it could make it more difficult for new businesses to enter the market. Centralized exchanges and other businesses that have already established themselves in the market will have a significant advantage over new businesses. This could lead to a less competitive market, which could stifle innovation.Despite the challenges, there are still reasons to be optimistic about the future of decentralized cryptocurrency. There is a growing community of developers and users who are committed to the decentralized vision of crypto. These individuals are working on new technologies and solutions that will make it easier to achieve decentralization. Additionally, there is a growing awareness of the importance of decentralization among governments and regulators. This awareness could lead to regulations that are designed to promote decentralization, rather than hinder it.The future of decentralized cryptocurrency is uncertain. However, there are still reasons to be optimistic. The decentralized vision of crypto is still alive, and there are several people and organizations working to make it a reality.Some opportunities for decentralized crypto include:Financial Inclusion: Decentralized crypto could help to provide financial inclusion to people who are currently excluded from the traditional financial system. It could be used by people in developing countries who do not have access to traditional banks.Lower Fees: Blockchain could help to lower fees for financial transactions, making them an ideal choice for global payments.Increased Transparency: It could help to increase transparency in the financial system. Blockchain transactions are recorded on a public blockchain, which makes them transparent to anyone who wants to see them.While some of the challenges it faces are:Security: Blockchain is still a relatively new technology, and while it is one of the safest technologies, the companies using them are not so much. There have been quite a few high-profile hacks of decentralized exchanges and other crypto platforms.Regulation: Governments around the world are still trying to figure out how to regulate blockchain and cryptocurrency. This uncertainty could make it difficult for businesses to adopt it.<a href="https://insights.blockonomics.co/do-crypto-regulations-help-with-its-adoption/">Mass Adoption</a>: Blockchain is still not widely adopted by the general public. Making it difficult for it to achieve its full potential.Overall, the future of decentralized crypto is uncertain. However, there are both challenges and opportunities for this technology. It remains to be seen whether decentralized crypto will be able to overcome the challenges and achieve its full potential.Blockonomics is a leading provider of Bitcoin payment services. Founded in 2015, the company is headquartered in Singapore and serves a global customer base who use them to accept Bitcoin payments online. Blockonomics offers a variety of Bitcoin payment services, including dedicated payment plugins, widgets, invoicing, and block explorer. Arpit Agarwal
arpit@blockonomics.co