/ เริ่มแล้วงาน Thailand Smart City Expo 2023 รวมนวัตกรรมเพื่อเมืองอัจฉริยะ รัฐลุยตั้งสมาร์ทซิตี้ 105 แห่ง ภายในปี’70 ยกระดับชีวิตคนไทยทั่วประเทศ
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยระหว่างพิธีเปิดงานนิทรรศการไทยแลนด์เมืองอัจฉริยะ ประจำปี พ.ศ. 2566 “Thailand Smart City Expo 2023” ว่า รัฐบาลได้มุ่งเน้นในการนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อพัฒนาประเทศ และยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชน จึงได้กำหนดให้แผนการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ หรือ สมาร์ทซิตี้ ให้เป็นวาระแห่งชาติตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 หมุดหมายที่ 8 โดยมีเป้าหมายในการสร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ การพัฒนาเมืองให้มีความน่าอยู่อย่างยั่งยืน มีความพร้อมในการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลง
นอกจากนี้ ตลอดระยะเวลาหลายทศวรรษที่ผ่านมา โลกเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงทางด้านสภาพภูมิอากาศ ตลอดจนปัจจัยเสี่ยงทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ ซึ่งส่งผลกระทบต่อประชาชนทั้งทางตรงและทางอ้อม ไม่ว่าจะเป็นชีวิต ความเป็นอยู่ เศรษฐกิจปากท้องของประชาชน ดังนั้น สมาร์ทซิตี้จึงตอบโจทย์ภาครัฐในด้านการจัดเก็บข้อมูลขนาดใหญ่ หรือ Big data และใช้ประโยชน์จากข้อมูล เพื่อเป็นเครื่องมือในการบริหารจัดการประเทศ รวมถึงกำหนดนโยบาย เพื่อแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพและทันท่วงที
ที่ผ่านมา รัฐบาลได้ส่งเสริมการพัฒนาเมืองมาอย่างต่อเนื่อง ผ่านการออกแบบนโยบายการขับเคลื่อนของประเทศ ให้เหมาะสมกับการพัฒนาเชิงพื้นที่ และมีเมืองที่ได้รับ “ตราสัญลักษณ์เมืองอัจฉริยะประเทศไทย” แล้ว 36 เมือง จาก 25 จังหวัด ซึ่งเป็นการแสดงถึงความพร้อมในการพัฒนาเมืองโดยมีเป้าหมายเพื่อประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชน
สำหรับการจัดงานแสดงสินค้าและเทคโนโลยีระดับนานาชาติด้านเมืองอัจฉริยะ หรือ “Thailand Smart City Expo 2023” โดยบริษัท เอ็น.ซี.ซี. แมนเนจเม้นท์ แอนด์ ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด และสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล ภายใต้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นับเป็นเวทีแห่งโอกาสธุรกิจประจำปีที่ช่วยผลักดันให้ประเทศไทยก้าวไปสู่การเป็นเมืองอัจฉริยะได้อย่างก้าวกระโดด และยั่งยืนเร็วยิ่งขึ้น เนื่องจากเป็นเวทีสำหรับการแลกเปลี่ยนเทคนิคและความรู้เกี่ยวกับการนำเทคโนโลยีเพื่อการจัดการเมือง ทำให้เกิดการให้บริการประชาชนอย่างชาญฉลาด เท่าทันการเปลี่ยนแปลง และแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อย่างไรก็ดี การจะบรรลุถึงเป้าหมายในการพัฒนา จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ องค์กรปกครองท้องถิ่น ภาคเอกชน ประชาชน สถาบันการศึกษา และพันธมิตรนานาประเทศ ซึ่งวันนี้ ถือเป็นหนึ่งในแบบอย่างของความร่วมมือจากภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ ซึ่งเป็นนิมิตหมายที่ดีต่อการพัฒนาประเทศอย่างมีส่วนร่วม
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวว่า เพื่อเร่งผลักดันให้เกิดการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ อย่างมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน จึงได้กำหนดนโยบายและมอบหมายให้ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (ดีป้า) ทำงานร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) เพื่อพัฒนามาตรการดึงดูดการลงทุนในพื้นที่ Smart City ด้วยมาตรการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลให้กับนักลงทุนในเมืองอัจฉริยะ สูงสุดถึง 100% ของเงินลงทุนและไม่จำกัดวงเงิน ในระยะเวลาสูงสุด 3 ปี และจากเดิมนักลงทุนจะสามารถขอลดหย่อนภาษี กรณีลงทุนด้านดิจิทัล ใน Smart City สูงสุด 50% แต่แนวนโยบายนี้ได้ให้โจทย์ดีป้า และ BOI ไปสานต่อ โดยต้องการให้นักลงทุนใน Smart City ที่ซื้อสินค้าและบริการ บัญชีบริการดิจิทัล จะได้รับการลดหย่อน เพิ่มเติมอีก 50% โดยที่ “บัญชีบริการดิจิทัล” นี้ จะเชื่อมต่อสินค้าและบริการดิจิทัล เพื่ออำนวยความสะดวกให้ Smart City แต่ละเมือง สามารถเลือกสินค้าและบริการด้านดิจิทัลที่มีคุณภาพ และได้รับราคาที่เป็นธรรม โดยหน่วยงานภาครัฐสามารถเลือกใช้สินค้าและบริการ ในบัญชีบริการดิจิทัลได้ด้วยระเบียบการจัดซื้อจัดจ้างกรณีพิเศษ และหน่วยงานภาคเอกชนจะได้รับสิทธิประโยชน์ตามมาตรการลดหย่อนภาษี สูงถึง 200%
นอกจากนี้ กระทรวงฯ ยังได้ดำเนินการผลักดันมาตรการด้านการพัฒนาข้อมูล โดยส่งเสริมให้ใช้บริการแพลตฟอร์มข้อมูลเมือง (City Data Platform: CDP) ที่ถือว่าเป็นหัวใจสำคัญในการยกระดับเมืองไปสู่เมืองอัจฉริยะที่ยั่งยืน ที่จะช่วยให้เมืองสามารถ ติดตาม และประเมินผลการยกระดับเมือง รวมถึงนำไปสู่การตัดสินใจลงทุน และสร้างนโยบายบริหารเมืองที่เหมาะสมต่อไป
ส่วนการจัดงาน Thailand Smart City Expo 2023 ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง ดีป้า ภายใต้กระทรวงดิจิทัลฯ และบริษัท เอ็น.ซี.ซี. แมนเนจเม้น แอนด์ ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด เราขอใช้โอกาสนี้เป็นเวทีเพื่อให้ผู้เชี่ยวชาญและผู้สนใจสามารถมาศึกษาเรียนรู้ ตลอดจนระดมสมอง ถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ ทั้งยังเป็นการรวมตัวของผู้นำเมืองมากกว่า 100 เมือง ทำให้เกิดเครือข่ายการพัฒนาเมืองอัจฉริยะที่เข้มแข็งในอนาคต รวมถึงจะมีพิธีมอบรางวัล The Smart City Solutions Awards 2023 เพื่อเป็นการเชิดชูเกียรติให้แก่ผลงานต้นแบบของบริการเมืองอัจฉริยะ และเป็นต้นแบบของการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเพื่อการบริการประชาชนต่อไป และเพื่อกระตุ้นการใช้บริการเทคโนโลยีของผู้ประกอบการในประเทศ ให้ภาครัฐและภาคเอกชนสามารถเลือกใช้บริการที่มีมาตรฐานและราคาเหมาะสม ดีป้า จึงมีการขึ้นทะเบียนตราสัญลักษณ์ dSURE (ดี-ชัวร์) สำหรับผลิตภัณฑ์ดิจิทัล และจัดประกวด Smart City Solutions Awards 2023
นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ กล่าวว่า ทีเส็บ มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนการจัดงาน “Thailand Smart City Expo 2023” ในครั้งนี้ ทีเส็บเป็นหน่วยงานภาครัฐที่ขึ้นตรงกับสำนักนายกรัฐมนตรี และมีพันธกิจหลักในการช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของเมืองและประเทศไทย โดยใช้ MICE ซึ่งประกอบด้วย Meeting and Incentive, Convention, Exhibition และ Event เป็นเครื่องมือการตลาดในการสร้าง ส่งเสริม และสนับสนุนการจัดงาน จ้างงาน และสร้างรายได้ เพื่อเอื้อต่อการสร้างผลกระทบเชิงบวกทางเศรษฐกิจของประเทศไทยให้เติบโตและพัฒนาได้อย่างต่อเนื่อง
รวมทั้งการพัฒนาเมืองและชุมชนขนาดใหญ่ไปสู่การเป็นสมาร์ทซิตี้ จะเป็นพลังสำคัญในการผลักดันธุรกิจ MICE เติบโตอย่างรวดเร็ว เพราะสมาร์ทซิตี้จะก่อให้เกิดโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของการจัดประชุม งานแสดงสินค้า และนิทรรศการสมัยใหม่ ที่ต้องอาศัยการเดินทางที่สะดวกสบาย มีสิ่งแวดล้อมที่ดี มีความปลอดภัยสูง และมีโครงข่ายการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพสูง ดังนั้นหากสามารถกระจายสมาร์ทซิตี้ไปได้ทั่วประเทศ ก็จะเป็นโอกาสสำคัญในการขยายการจัดงาน MICE ไปยังภูมิภาคต่าง ๆ ได้เพิ่มขึ้น ซึ่งจะช่วยกระจายรายได้ไปสู่ทุกภูมิภาคทั่วประเทศ
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า จากแผนพัฒนากรุงเทพมหานคร ระยะ 20 ปี ระยะที่ 3 ระหว่างปี พ.ศ. 2556–2575 ซึ่งมุ่งเน้นยุทธศาสตร์ทั้ง 7 ด้าน ได้แก่ มหานครปลอดภัย มหานครสีเขียวสะดวกสบาย มหานครสำหรับทุกคน มหานครกระชับ มหานครประชาธิปไตย มหานครแห่งเศรษฐกิจและการเรียนรู้ และการบริหารจัดการมหานคร โดยการที่จะได้บรรลุยุทธศาสตร์ตามที่ได้วางแผนไว้นั้น การประยุกต์ใช้สมาร์ทเทคโนโลยี หรือเทคโนโลยีอัจฉริยะนับเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาเมือง เพื่อยกระดับความเป็นอยู่ของประชากรให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
สำหรับ “งานนิทรรศการไทยแลนด์เมืองอัจฉริยะ ประจำปี พ.ศ.2566” หรือ “Thailand Smart City Expo 2023” ครั้งที่สองนี้ นับเป็นเวทีนำเสนอเทคโนโลยีอัจฉริยะในการพัฒนาเมืองผ่านส่วนงานแสดงสินค้า และเป็นแหล่งรวมองค์ความรู้จากผู้เชี่ยวชาญจากทั้งไทยและต่างประเทศ ผ่านกิจกรรมสัมมนาภายในการจัดงานครั้งนี้
นายศักดิ์ชัย ภัทรปรีชากุล กรรมการบริหาร บริษัท เอ็น.ซี.ซี. แมนเนจเม้นท์ แอนด์ ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด กล่าวว่า การจัดงาน “Thailand Smart City Expo” ในครั้งนี้ เป็นการจัดอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 22-24 พฤศจิกายนนี้ ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยงานนี้ได้รวบรวมสินค้า นวัตกรรม องค์ความรู้ เกี่ยวกับเทคโนโลยีการพัฒนาและยกระดับเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับสภาพเมืองของประเทศไทย รวมถึงประเทศอื่น ๆ ในกลุ่มประเทศ CLMV
โดยภายในงานจะแบ่งหมวดหมู่เทคโนโลยีออกเป็น 7 ด้านสำคัญสำหรับ Smart City ได้แก่ Smart Telecom, Smart Energy, Smart Living, Smart Industry & Retail, Smart Mobility, Smart Environment และ Smart Healthcare ซึ่งจัดแสดงนวัตกรรมและเทคโนโลยีจากบริษัทชั้นนำกว่า 300 บริษัท รวมถึงพาวิลเลียนจากต่างประเทศ โดยไฮไลท์ที่สำคัญของปีนี้ จะมีการจัดเสวนาระดับนานาชาติ เรื่องทิศทางการพัฒนาเมืองของกลุ่มประเทศลุ่มแม่น้ำโขง และเมือง Smart City ต้นแบบจากญี่ปุ่น รวมถึงการประชุม การเสวนาขยายผลจากนโยบายด้านต่าง ๆ ของรัฐบาล
นอกจากนี้ การจัดงาน “Thailand Smart City Expo 2023”จะเป็นเวทีสำหรับผู้บริหารเมืองได้มาสัมผัสถึงความก้าวหน้าของเทคโนโลยีล้ำสมัย และผู้บริหารโครงการภาครัฐและเอกชน ในฐานะผู้ซื้อ จะได้มาเลือกสรร และศึกษานวัตกรรมเทคโนโลยีต่าง ๆ ล่วงหน้า ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อดำเนินโครงการพัฒนาเมืองอัจฉริยะของไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ในขณะเดียวกัน งานนี้ก็จะเป็นเวทีสำหรับเจ้าของเทคโนโลยี บริษัทผู้ให้บริการและผู้แทนจำหน่ายจะได้พบกับผู้ซื้อโดยตรงจากหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนทั่วประเทศตลอดทั้ง 3 วันของการจัดงาน
ผู้สนใจสามารถร่วมงาน “Thailand Smart City 2023” งานแสดงสินค้าและเทคโนโลยีระดับนานาชาติด้านเมืองอัจฉริยะ ระหว่างวันที่ 22-24 พฤศจิกายน 2566 ณ ฮอลล์ 3-4 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมที่ www.thailandsmartcityexpo.com