/ แสนสิริ มองเทรนด์การบริการหลังการขาย ชี้ Concierge Service มาแรง โดยเฉพาะโครงการบ้านระดับซุปเปอร์ลักซ์ชัวรี่
แสนสิริ เล็งเห็นการเติบโตของบริการ Concierge Service จะเป็น 1 ใน Key Driver สำคัญของการบริการหลังการขาย (After-sales Service) ในโครงการแนวราบระดับซุปเปอร์ลักซ์ชัวรี่ สะท้อนจากการเปิดตัวโครงการแนวราบของแสนสิริในระดับลักซ์ชัวรี่และซุปเปอร์ลักซ์ชัวรี่เพิ่มสูงขึ้น สอดคล้องกับทิศทางการเติบโตของตลาดบ้านเดี่ยวระดับบน แนะการบริการหลังการขายในเซกเมนต์บ้านเดี่ยวระดับซุปเปอร์ลักซ์ชัวรี่จำเป็นต้องยกระดับไปอีกขั้นให้เป็นมากกว่าการบริหารโครงการ (Property Management) เพื่อส่งมอบการใช้ชีวิตให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์สุดเอ็กซ์คลูซีฟของกลุ่มลูกค้าระดับไฮเอนด์ แย้มเตรียมพบกับ Sansiri Service รูปแบบใหม่ ที่มุ่งดูแลครอบครัวแสนสิริตลอดการอยู่อาศัย จากแสนสิริและพลัส พร็อพเพอร์ตี้ ในโครงการแนวราบระดับซุปเปอร์ลักซ์ชัวรี่ในช่วงต้นปีหน้า (2567)
ศรีอำไพ รัตนมยูร ประธานผู้บริหารสายงานการตลาด บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “จากประสบการณ์การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มาเกือบ 40 ปี แสนสิริเข้าใจทุกความต้องการและไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยของลูกค้ากลุ่มระดับลักซ์ชัวรี่อย่างแท้จริง ทั้งในด้านของงานดีไซน์ชั้นเยี่ยมที่เปี่ยมด้วยรสนิยม ความพิถีพิถันในการคัดสรรวัสดุคุณภาพชั้นยอด ตลอดจนการสร้างประสบการณ์การอยู่อาศัยที่เหนือระดับ และเราได้ทำงานอย่างใกล้ชิด ร่วมกับพลัส พร็อพเพอร์ตี้ เพื่อส่งมอบบริการหลังการขายที่ดูแลลูกค้าตั้งแต่วันแรก และตลอดช่วงเวลาการอยู่อาศัย ที่ผ่านมา เราได้รังสรรค์ประสบการณ์การอยู่อาศัยสุดเอ็กซ์คลูซีฟผ่านบริการพิเศษ โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญด้านบริการระดับลักซ์ชัวรี่และไลฟ์สไตล์ กับบริการ Butler คอยอำนวยความสะดวกให้กับลูกบ้าน เสมือนมีโฮเทลลิเยร์ (Hotelier) ในคอนโดมิเนียมในโครงการ 98 Wireless (ไนน์ตี้เอท ไวร์เลส) และ THE MONUMENT THONG LO (เดอะ โมนูเมนต์ ทองหล่อ) และบริการ Concierge ผู้ช่วยส่วนตัวในการแนะนำหรือจองสถานที่และบริการต่าง ๆ เช่น แม่บ้าน ซักรีด การรับ-ส่งของเดลิเวอรี่ ในโครงการ KHUN by YOO (คุณ บาย ยู)”
“ปัจจุบันภายใต้การบริการ Sansiri Service ที่มุ่งดูแลครอบครัวแสนสิริตลอดการอยู่อาศัย เราเล็งเห็นไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของกลุ่มลูกค้าในโครงการบ้านเดี่ยวระดับลักซ์ชัวรี่และซุปเปอร์ลักซ์ชัวรี่ มีความคล้ายคลึงกับกลุ่มลูกค้าในโครงการคอนโดมิเนียมระดับบน ยกตัวอย่างเช่น การจัดปาร์ตี้สุดเอ็กซ์คลูซีฟในบ้านเพื่อต้อนรับแขกคนสำคัญระดับประเทศหรือระดับโลก หรือการมอบความเป็นส่วนตัวสูงสุด เพื่อสร้างความอุ่นใจ ปลอดภัยและสะดวกสบายในการอยู่อาศัยในโครงการแสนสิริ ตัวอย่างล่าสุดคือ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (บริษัทในเครือของแสนสิริที่ดูแลบริการหลังการขาย) ได้ขยายธุรกิจใหม่ คือ Villa Management นำร่องที่จังหวัดภูเก็ต ครอบคลุมบริการ Property Care Elite ดูแลทรัพย์สินแบบครบวงจร นอกจากนี้ยังมี Property Care On Demand ที่ลูกค้าสามารถเลือกใช้บริการตามความต้องการอีกด้วย” ศรีอำไพ กล่าวต่อ
แสนสิริเชื่อมั่นว่า บริการหลังการขายเป็นส่วนสำคัญในการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยทั้งกลุ่มผู้อยู่อาศัยจริงและนักลงทุน เนื่องจากช่วยดูแล บำรุงรักษาอสังหาริมทรัพย์ให้คงสภาพสวยงามเสมอและมีมูลค่าเพิ่มขึ้น อาทิ บ้านไข่มุกของแสนสิริ ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียมระดับไฮเอนด์ติดทะเลหัวหิน ที่เปิดตัวในปี 2531 เป็นโครงการที่ได้รับการดูแลอย่างดี ยังคงความงดงามไม่เปลี่ยนแปลง และมีราคาปรับขึ้นมาอย่างน่าสนใจ จากราคาซื้อวันแรกที่ 7 ล้านบาท มาเป็นราคา 80 ล้านบาทในปัจจุบัน (เพิ่มกว่า 10 เท่าตัว) ตลอดจนมอบความปลอดภัย ความอุ่นใจและความสะดวกสบาย เพื่อสร้าง Peace of Mind ตลอดการอยู่อาศัย สอดคล้องกับผลสำรวจจาก National Association of Realtors ประเทศสหรัฐอเมริกา ระบุว่า 82% ของกลุ่มเป้าหมายให้ความสำคัญกับบริการหลังการขายในช่วงการตัดสินใจซื้ออสังหาริมทรัพย์
“ดังนั้น บริการ Concierge Service ผู้ช่วยการอยู่อาศัยที่เป็นมากกว่าการบริหารโครงการจะเป็น 1 ใน Key Driver สำคัญของการบริการหลังการขาย (After-sales Service) ในโครงการแนวราบระดับซุปเปอร์ลักซ์ชัวรี่ ที่มีแนวโน้มเติบโต เพื่อรองรับความต้องการบ้านเดี่ยวระดับบนที่มีดีมานด์สูงขึ้น สอดคล้องการเปิดตัวโครงการแนวราบของแสนสิริในระดับลักซ์ชัวรี่และซุปเปอร์ลักซ์ชัวรี่ปีนี้ (2566) รวม 15 โครงการ มูลค่า 34,770 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 117% จากปี 2565 โดยเราวางแผนเปิดตัว Sansiri Service รูปแบบใหม่ ซึ่งประกอบไปด้วยทีมงานผู้เชี่ยวชาญด้านบริการระดับลักซ์ชัวรี่และไลฟ์สไตล์ รองรับการอยู่อาศัยในโครงการแนวราบระดับซุปเปอร์ลักซ์ชัวรี่ของแสนสิริในช่วงต้นปีหน้า (2567) ไว้ด้วยเช่นกัน ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการดูแลครอบครัวแสนสิริตั้งแต่วันนี้ พรุ่งนี้และตลอดไป” ศรีอำไพ กล่าวส่งท้าย
ด้านการเติบโตของตลาดบ้านเดี่ยวระดับบนของอสังหาริมทรัพย์ไทยเป็นไปในทิศทางบวกเช่นกัน จากข้อมูลของบริษัท ซีบีอาร์อี (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ ภาพรวมตลาดบ้านเดี่ยวระดับลักซ์ชัวรี่ขึ้นไป มีการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยพบว่าอัตราการเปิดตัวโครงการใหม่เพิ่มขึ้น 205% เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรกของปี 2565 จากหลายปัจจัยหนุน อาทิ การฟื้นตัวของการท่องเที่ยว การขยายตัวของการลงทุนภาครัฐและเอกชน รวมถึงทิศทางการเมืองที่มีภาพชัดเจนมากขึ้น และสัญญาณเศรษฐกิจภาพรวมอยู่ในทิศทางฟื้นตัว โดยธนาคารแห่งประเทศไทยคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวที่ร้อยละ 2.8 และ 4.4 ในปี 2566 และ 2567 ตามลำดับ