Thailand
Raise It With Press Release
TechnologyCommerce / LifestyleFood / BeverageEducationReal Estate / Architecture
เผยแพร่ขั้นต่ำ 10 สื่อ เริ่มต้นเพียง 990 บาท 495 บาท, หากสนใจ
เริ่มต้นใช้งานตอนนี้ >>
press release

/ วช. - มธ. นำนวัตกรรม Smart Farmer ฟื้นฟูสวนทุเรียนปราจีนบุรี สำเร็จ!!

วช. - มธ. นำนวัตกรรม Smart Farmer ฟื้นฟูสวนทุเรียนปราจีนบุรี สำเร็จ!!

National Research Council of Thailand
ทุเรียน ราชาผลไม้ไทย ที่เป็นพืชเศรษฐกิจมูลค่าส่งออกกว่าแสนล้าน ทำให้เกษตรกรหันมาเพาะปลูกทุเรียนกันในหลายพื้นที่ของประเทศไทย แต่การปลูกต้นทุเรียนของเกษตรกรไทยประสบปัญหาเรื่องการผลิต การดูแลรักษา การให้น้ำปุ๋ย การบังคับให้เกิดดอกและผลิตผล และเมื่อติดผลแล้วทำอย่างไรให้ติดผลผลิตมีคุณภาพสำหรับตลาดส่งออกทั้งในประเทศและต่างประเทศ สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เล็งเห็นถึงปัญหาดังกล่าวจึงได้สนับสนุนทุนวิจัยให้กับโครงการท้าทายไทย โครงการพัฒนาเกษตรไทยสู่ Smart Farmer (กรณีศึกษาการพัฒนาเกษตรกรผู้ปลูกทุเรียนเพื่อการส่งออก)” ของ รศ.ดร.วรภัทร วชิรยากรณ์สาขาวิชาเทคโนโลยีการเกษตร คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) เป็นผู้บริหารจัดการโครงการวิจัย เพื่อคิดค้นนวัตกรรมการให้น้ำทุเรียนแบบ Basin Fertigation และนวัตกรรมการสร้างระบบนิเวศชักนำรากลอย รวมถึงได้นำเทคโนโลยีลงไปถ่ายทอดสู่เกษตรกรในหลายพื้นที่ในประเทศไทย ด้วย
preview

รศ.ดร.วรภัทร วชิรยากรณ์ ผู้บริหารจัดการโครงการวิจัย เปิดเผยว่า ได้นำนวัตกรรมการให้น้ำทุเรียนแบบ Basin Fertigation และนวัตกรรมการสร้างระบบนิเวศชักนำรากลอย มาถ่ายทอดให้กับ นายสุชาติ วงษ์สุเทพ เจ้าของสวนเกษตรไฮเปอร์ ตำบลไม้เค็ด อำเภอเมิง จังหวัดปราจีนบุรี เนื่องจาก 2 ปีที่แล้ว ต้นทุเรียนของสวนเกษตรไฮเปอร์ ประสบปัญหาใบโทรม ใบเล็ก ยอดทุเรียนแห้งเป็นก้านธูป บางแปลงมีโรครากเน่า โดนเน่า

จึงนำนวัตกรรมดังกล่าวมาปรับใช้จนประสบความสำเร็จ ต้นทุเรียนฟื้นกลับมามีสุขภาพแข็งแรง มีภูมิต้านทานโรคและแมลงได้ด้วยตัวเอง ไม่กลับมาเป็นโรคซ้ำ กิ่งแต่ละกิ่งสามารถแตกยอดได้ 3 ครั้งในหนึ่งปี เมื่อถึงเวลาออกดอกไม่ต้องกักน้ำและราดสารควบคุมการเจริญเติบโต ดอกสามารถออกมาเองเมื่อกระทบหนาวตามธรรมชาติและความสมบูรณ์ของต้น จากระบบนิเวศของรากที่พึ่งพา กับจุลินทรีย์ช่วยตรึงธาตุอาหาร เป็นผลให้สามารถลดการใช้ปุ๋ยและสารเคมีเกษตรจากเดิมเหลือแค่ไม่เกินราคาฟางแห้งก้อนเดียว

คณะวิจัยได้ปรับเปลี่ยนระบบการให้น้ำกับต้นทุเรียนจากเดิมที่ให้น้ำตอนกลางคืนมาเป็นแบบ Basin Fertigationโดยแบ่งการให้น้ำออกเป็นสามช่วงในแต่ละวัน ช่วงเช้าก่อน 8.00 น. ให้น้ำเต็มความสามารถอุ้มน้ำของดิน พืชสามารถดึงน้ำและธาตุหลักและธาตุรองเพื่อใช้ในการสังเคราะห์แสงได้ โดยไม่เกิดแสดงการขาดธาตุที่จำเป็น ช่วงที่สองเวลา 11.00-12.00 น. เป็นเวลาที่ทุเรียนและไม้ผลทั่วไปที่ปลูกในแปลงแบบไม่ยกร่องสวน มักหยุดการสังเคราะห์แสงและเป็นช่วงที่น้ำในระบบน้ำใต้ดินและระบบน้ำในแถบลุ่มน้ำมีน้ำขึ้นน้ำลงสูงสุดในช่วงวัน

จึงมีการให้น้ำช่วงนี้ตามน้ำขึ้นน้ำลงจากอิทธิพลของดวงจันทร์ เป็นช่วงที่ทำให้ทุเรียนสร้างกลิ่นหอมดอกไม้เฉพาะตัวออกมา ช่วงที่สามเวลา 13.00 และ 14.00 น.ช่วงนี้ในพื้นที่ปลูกแบบไม่ยกรองสวนทุเรียนจะปิดปากใบเช่นกัน ต่อไปจนแสงสุดท้ายประมาณ 16.00 น. ซึ่งภาพรวมทำให้ทุเรียนสามารถสังเคราะห์แสงได้นาน 6-8 ชั่วโมง และพบว่าทุเรียนหมอนทองที่อายุ 90 วันหลังผสมเกสรแล้ว (หางแย้) มีน้ำหนักแห้งของเนื้อ (DM) ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 34.98 และเมื่ออายุ 115 วัน มีค่า DM เฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 39.94 เนื้อทุเรียนหมอนทองและพันธุ์อื่นๆ เนื้อแห้ง ไม่เป็นไส้ซึม เต่าเผา เนื้อที่เหนียวเนียนละเอียดเป็นครีมคล้ายชีทเค้ก เนื้อมีกลิ่นหอมดอกไม้เฉพาะตัว เส้นใยละลายน้ำได้ทั้งหมด ไม่มีเส้นใยติดฟันเวลาบริโภค เป็นที่ต้องการของผู้บริโภคอย่างมาก ถึงกับต้องจองข้ามปี

โครงการดังกล่าวได้ประสบความสำเร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการวช. มอบหมายให้ นายชาญณรงค์ มณีรัตน์ ผู้อำนวยการกลุ่มสารนิเทศและประชาสัมพันธ์ วช. นำคณะสื่อมวลชน เยี่ยมชมโครงการวิจัย เรื่อง “การพัฒนาเกษตรกรไทยสู่ Smart Farmer (กรณีศึกษาการพัฒนาเกษตรกรผู้ปลูกทุเรียนเพื่อการส่งออก)” สวนเกษตรไฮเปอร์ ตำบลไม้เค็ด อำเภอเมิง จังหวัดปราจีนบุรี

เพื่อให้สื่อมวลชนได้ทราบถึงผลสำเร็จของงานวิจัยดังกล่าว และได้พบปะกับนักวิจัย โดยเป็นสื่อกลางในการประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ผลงานวิจัยและกิจกรรมของ วช. ไปสู่สาธารณชนและผู้ใช้ประโยชน์ต่อไป การลงพื้นที่ในครั้งนี้ ได้รับความสนใจจากเกษตรกร เจ้าของสวนทุเรียนจากทั่วทุกภูมิภาค เข้าชมสวนเกษตรไฮเปอร์ เป็นจำนวนมาก เพื่อศึกษาดูงานระบบจัดการน้ำภายในสวน

About National Research Council of Thailand
ความคิดที่จะให้รัฐบาลจัดตั้งสภาวิจัยแห่งชาติมีมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2477 แต่มิได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลในสมัยนั้น ต่อมาได้มีผู้เล็งเห็นความสำคัญของการวิจัยและได้พยายามร่างโครงการเสนอความเห็นต่อรัฐบาลอีกจนกระทั่งปีพ.ศ. 2499 รัฐบาลได้ประกาศใช้พระราชบัญญัติสภาวิจัยแห่งชาติฉบับแรก โดยแต่งตั้งอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์เป็นเลขาธิการสภาวิจัยแห่งชาติโดยตำแหน่ง และตั้งสำนักงานเลขาธิการสภาวิจัยแห่งชาติขึ้นที่กรมวิทยาศาสตร์เป็นการชั่วคราว พร้อมทั้งได้กำหนดสาขาวิชาการที่จะวิจัยไว้เฉพาะด้านวิทยาศาสตร์โดยแบ่งออกเป็น 6 สาขา ได้แก่ สาขาวิทยาศาสตร์กายภาพและคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์การแพทย์ เคมีและเภสัชวิทยาศาสตร์ชีวภาพ เกษตรศาสตร์และวนศาสตร์ และสาขาวิศวกรรมศาสตร์และอุตสาหกรรม
Contact
สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ โทร 0-2561-2445 อีเมล์ saraban@nrct.go.th

Categories
Goods and servicesGovernment offices / organizations

Other Press Release
Medical / Hospital
นวัตกรรมเท้าเทียมไดนามิกส์ “sPace” ยกระดับคุณภาพชีวิตผู้พิการทั่วประเทศ
National Research Council of Thailand
Jul 05, 2023

National Research Council of Thailand
URL
Industry
Service
Weekly Release Ranking
Feb 11, 2025 2025
เครือข่าย Nusantara Global Network ร่วมมือกับ Exclusive Markets เปิดตัวโปรแกรม Introducing Broker (IB) ที่มีสิทธิประโยชน์พิเศษ
Nusantara Global Network
VRITIMES Video
vritimes na euvritimes jpFree consultationManual Ebook ThailandPR College